จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แมว
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์[แสดง]
อาณาจักร
Animalia
ไฟลัม
Chordata
ชั้น
Mammalia
อันดับ
Carnivora
วงศ์
Felidae
สกุล
Felis
สปีชีส์
F. silvestris
สปีชีส์ย่อย
F.s. catus
ข้อมูลทั่วไป[แสดง]
ชื่อวิทยาศาสตร์
Felis silvestris catus {{{binomial_authority}}}
สถานะอนุรักษ์
สถานะ : สัตว์เลี้ยง
Felis catusFelis catus domesticusFelis domesticusFelis lybicaFelis silvestris domesticus
แมว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Felis silvestris catus อยู่ในตระกูล Felidae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับสิงโตและเสือดาว ต้นตระกูลแมวมาจากเสือไซบีเรียน ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้นและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภทสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ สืบสายเลือดมาจากแมวป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแมวพันธุ์แท้หรือแมวพันธุ์ทาง
แมวเข้ามาเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแมวคือการทำมัมมี่แมวที่ค้นพบในสมัยอียิปต์โบราณ หรือในพิพิธภัณฑ์อังกฤษในกรุงลอนดอน มีการแสดงสมบัติที่นำออกมาจากปิรามิดโบราณแห่งอียิปต์ ซึ่งรวมถึงมัมมี่แมวหลายตัว ซึ่งเมื่อนำเอาผ้าพันมัมมี่ออกก็พบว่า แมวในสมัยโบราณทุกตัวมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือเป็นแมวที่มีรูปร่างเล็ก ขนสั้นมีแต้มสีน้ำตาล มีความคล้ายคลึงกับพันธุ์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าแมว Abyssinian
ลักษณะเฉพาะ
แมวเป็นสัตว์เลือดอุ่นที่มีรูปร่างเพรียว มีหางยาว และบังคับหางได้ มีใบหน้าที่เรียวและโครงหน้าแหลมเช่นเดียวกับเสือและสัตว์อื่น ๆ ในวงศ์เดียวกัน เป็นสัตว์ที่มีเล็บแหลมคม และมีตาที่สามารถมองเห็นในเวลากลางคืนได้ดี แมวจะนอนหลับในเวลากลางวัน และตื่นในเวลากลางคืน
ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงาที่นิยมมากชนิดหนึ่งใกล้เคียงกับสุนัข แมวบางสายพันธุ์เช่น แมวสีสวาด และแมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยที่สวยงามเป็นที่ชื่นชอบทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในฐานะประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์ มีการเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์เพื่อขาย ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ นอกจากนี้อุจจาระของแมวสามารถนำมาทำปุ๋ยได้
แมวพันธุ์ต่าง ๆ
แมวในโลกนี้มีมากมายหลายพันธุ์ โดยเฉพาะแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงไม่นับรวมสัตว์ตระกูลแมว พวกเสือ แมวดาว แมวป่า หรือ สิงโต แมวเลี้ยง หรือที่เราเรียกว่า Domestic cat นั้นมีวิวัฒนการมาจากแมวป่าในธรรมชาติจากหลายภูมิภาคของโลก ชื่อเรียกพันธุ์แมวที่แตกต่างกันที่เรียกกันทุกวันนี้ เช่น เปอร์เซีย แมวสยาม บาลิเนส อะบิสสิเนียน และโซมาลี นั้น แสดงถึงถิ่นกำเนิดที่แสดงถึงภูมิศาสตร์ที่เขาถือกำเนิดมา ในการจัดนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษเมื่อปีคริสศักราช 1871 ถือเป็นการเริ่มต้นในการนำเสนอพันธุ์แมวในระดับนานาชาติ ทำให้ผู้สนใจในแมวมีความตื่นตัว แต่การแสดงในครั้งนั้นส่วนใหญ่เป็นแมวเปอร์เซียและแมวขนสั้นเป็นหลัก
การจัดจำแนกแมว
โดยทั่วไปมีการแบ่งพันธุ์แมวออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ แมวขนยาว (longhaired cat) และแมวขนสั้น (shorthaired cats) การแบ่งพันธุ์ด้วยวิธีนี้ทำให้จำแนกแมวออกได้ตามลักษณะพันธุ์ที่จำเพาะต่างๆ กัน การจัดจำแนกแมวในยุโรปและสหรัฐอเมริกามีการกำหนดมาตรฐานของพันธุ์แมวที่เป็นที่ยอมรับกัน ทั้งนี้ลักษณะมาตรฐานของพันธุ์ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ การใช้ชื่อเรียกพันธุ์แมวที่แสดงถึงลักษณะของพันธุ์ที่จำเพาะมีความแตกต่างกันระหว่างในยุโรปและสหรัฐอเมริกา และมีบางพันธุ์มีการจัดจำแนกเฉพาะต่างหากในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แมวมีมากมายหลายพันธุ์
แมวไทย
คนไทยน้อยคนนักที่จะรู้จักว่าแมวไทยจริงๆนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ทว่าแมวไทยพันธุ์แท้นั้นกลับไปมีชื่อเสียงโด่งดังที่ต่างประเทศมากกว่าในเมืองไทย ทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นพันธุ์อันเลิศพันธุ์หนึ่งในโลก และมีความมหัศจรรย์ยิ่งกว่าพันธุ์ใดๆ เมื่อปี พ.ศ. 2427 ชาวอังกฤษชื่อนายโอเวน กูลด์ (Owen Gould) กงสุลอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ได้นำแมวไทยคู่หนึ่งจากประเทศไทยไปฝากน้องสาวที่อังกฤษ อีกหนึ่งปีต่อมา แมวคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงานประกวดแมวที่คริสตัลพาเลซ กรุงลอนดอน ปรากฏว่าชนะเลิศได้รางวัลที่หนึ่ง ทำให้ชาวอังกฤศพากันแตกตื่นเลี้ยงแมวไทยกันจนมีสโมสรแมวไทยเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2443 ชื่อว่า The Siamese Cat Clubs ต่อมาในปี พ.ศ. 2471 ได้มีการตั้งสมาคมแมวไทยแห่งจักรวรรดิอังกฤษขึ้น หรือ The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นมาอีกสมาคมหนึ่ง
แมวที่นายโอเวน กูลด์ นำไปจากประเทศไทยนั้น มีแต้มสีครั่งหรือน้ำตาลไหม้เก้าแห่ง คือหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หาง และอวัยวะเพศ ซึ่งถือว่าเป็นแต้มสีที่อยู่ในบริเวณที่เหมาะสมและไม่เลอะเทอะเหมือนแมวพันธุ์อื่น และเมื่อนำแมวไทยไปผสมกับแมวพันธุ์อื่น จะได้แต้มสีตามร่างกายในตำแหน่งเดียวกัน แต่รูปร่างจะไม่สง่างามเท่า และอุปนิสัยจะไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งแมวไทยพันธุ์นี้เป็นพันธุ์แรกที่ชาวต่างชาติรู้จัก จึงมักเรียกกันทั่วไปว่า Siamese Cat หรือ Seal Point ส่วนในสมุดข่อยโบราณของไทยให้ชื่อแมวไทยลักษณะนี้ว่า "แมววิเชียรมาศ" คุณสมบัติอันโดดเด่นของแมวไทยอีกประการหนึ่งก็คือ อุปนิสัยที่มีความฉลาด รักบ้าน รักเจ้าของ เป็นตัวของตัวเอง รู้จักประจบ และที่สำคัญคือ การรักอิสระเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งถือว่าเป็นบุคลิกประจำตัว และทำให้แมวไทยเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างสูงไปทั่วโลก และเป็นที่น่าสังเกตว่า การผสมพันธุ์ระหว่างแมวไทยและแมวต่างชาตินั้น แม้จะได้แมวที่มีลักษณะและสีเหมือนแมวไทย แต่จะไม่ได้อุปนิสัยตามอย่างแมวไทยไปด้วย นอกจากว่าจะเป็นการผสมระหว่างแมวไทยด้วยกันเองเท่านั้น
ในสมุดข่อยโบราณได้กล่าวถึงแมวไทยไว้ถึง 23 ชนิด ซึ่งเป็นแมวดี (แมวให้คุณ) 17 ชนิด และแมวร้าย (แมวให้โทษ) 6 ชนิด ซึ่งในปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว 13 ชนิด เหลือเพียง 4 ชนิดเท่านั้นในปัจจุบัน ได้แก่แมววิเชียรมาศ แมวโคราช แมวศุภลักษณ์ และแมวโกญจา ส่วนแมวขาวมณีนั้นแม้จะไม่ได้บันทึกอยู่ในสมุดข่อยก็ตาม แต่ก็ถือเป็นแมวไทย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแมว
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่สวยงามเป็นสัตว์ที่มีผู้คนนิยมเลี้ยงกันมากขึ้นทุกปี คงเป็นความชอบส่วนตัวมากกว่าว่าจะเลี้ยงสัตว์อะไรดี หลายคนที่เคยเลี้ยงแมว หรืออาจจะเริ่มเลี้ยงแมวโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากพบว่ามีแมวท้องแก่มาออกลูกที่บ้าน จำนวนหลายตัว เราคนไทยเป็นชาวพุทธมีความเมตตา ลูกแมวตัวน้อยๆ ยังไม่ลืมตา เดินต้วมเตี้ยม ตัวแดงๆ ใครจะใจร้ายไม่ดูดำดูแดงได้ลงคอ แม่แมวเหล่านี้ส่วนใหญ่มีสุขภาพไม่ดี ไม่มีบ้านอยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง หรือจะเรียกว่าแมวจรคงไม่ผิด ตัวแม่แมวบางครั้งสุขภาพไม่ดี ไม่มีน้ำนม เพราะร่างกายทรุดโทรม หรือออกลูกแล้วไม่เลี้ยง แม่แมวสาว หรือแม้แต่สัตว์ชนิดอื่น ที่มีท้องแรก อาจจะไม่ยอมเลี้ยงลูก เพราะเลี้ยงลูกไม่เป็น หรือร้ายไปกว่านั้นแม่บางตัวทำร้ายลูกด้วยซ้ำไป อาจเป็นเพราะตอนคลอดแม่แมวรู้สึกเครียดจากความเจ็บปวดจากการคลอดลูก จึงทำร้ายลูก ฟังดูเหมือนคนโรคจิต หรือไม่มีเหตุผล แน่นอนแมวเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง มันคงไม่รู้เหตุผลของความเจ็บปวดจากการคลอดลูกหรอก
ดังนั้นคงเป็นภาระของผู้ใจบุญที่ต้องดูแลเจ้าเหมียวน้อยๆ หลายคงคงไม่เคยทำก็คงได้เริ่มคราวนี้แหละ ก็เหมือนเด็กอ่อนนั่นแหละ แต่จะต้องทำอย่างไรคงต้องติดตามต่อไปนะ แต่ถ้ามีแมวแก่หล่ะจะทำอย่างไร... นั่นซิ
ยังมีประเด็นอีกหลายๆ ประเด็นที่ได้ถูกคัดสรรมาให้ผู้รักแมวเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพโดยทั่วไปของแมว ปัญหาทางพฤติกรรมและการติดเชื้อ โภชณศาสตร์และภูมิคุ้มกัน เนื้องอกและโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแมว
การถอดเล็บ
สารที่เป็นอันตรายต่อแมว
พืชที่เป็นพิษต่อแมว
หางของแมวบอกอารมณ์ของแมวได้อย่างไร
สาระสำคัญเกี่ยวกับพยาธิหนอนหัวใจในแมว
การติดต่อพยาธิหนอนหัวใจในแมว
การเลี้ยงลูกแมว
การเลี้ยงดูแมวสูงอายุ
สาเหตุของการเกาและการเลียในสุนัขและแมว
การถอดเล็บ
ปัจจุบันความนิยมในการเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อนเริ่มมีมากขึ้น แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยดุร้าย กิจกรรมประจำวันมักจะนอน แต่มักจะไม่หลับนอนในเวลากลางคืน ในบางครั้งแมวที่เราเคยเลี้ยงไว้หนีไปเที่ยวเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน หรือไม่เคยกลับมาอีกเลย ไม่ค่อยมีใครทราบเหมือนกันว่า แมวไปไหน หรือในบางครั้งแมวถูกสุนัขทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต หรือถูกรถชน กรณีอย่างนี้ผู้ที่รักแมวมักจะหาแมวตัวใหม่มาเลี้ยง บางครั้งมีแมวตัวใหม่มาป้วนเปี้ยนบ้านเรา เราให้อาหารกับมันทุกวัน ทุกวัน.... แล้วก็เป็นแมวของเราไปเอง.. (แมวเราที่หนีไปเที่ยวอาจจะไปมีชีวิตแบบด้วยก็ได้... แล้วมีผู้ใจบุญให้อาหารมัน ... มันเลยไม่กลับมาอีก ก็อาจจะเป็นไปได้) บางครั้งไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงหรอก ให้อาหารไปวันๆ แต่เผลอแผล็บเดียว... เหมียวน้อยเต็มไปหมดเลย.. คราวนี้ต้องเลี้ยงกันยาวเลย...
สังคมปัจจุบันเริ่มตระหนักแล้วว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนที่ดี.. ซื่อสัตย์.. ไม่บ่น.. ไม่เถียง.. ถ้าโชคดีถ้าสัตว์เลี้ยงบางชนิดที่สามารถฝึกได้..ใช้งานได้อีก ... นั่นหมายความว่าเราไม่อาจจะคิดว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเพียงสิ่งของ หรืออะไรสักอย่างที่ไม่ใส่ใจก็ได้ไม่ได้เสียแล้ว คงต้องดูแลเหมือนสมาชิกในครอบครัวตัวหนึ่งแล้วหละ ต้องนำมันไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค ต้องให้อาหารที่ดีมีคุณค่า ให้อยู่ในที่ที่จัดให้(กรง หรือภายในบริเวณบ้าน) สัตว์เลี้ยงอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผู้ป่วยบางประเภท หรือแม้แต่คนชรา
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยม ด้วยความน่ารัก ชอบประจบ คลอเคลีย อันเป็นเสน่ห์ที่เจ้าของหลงใหล แต่การเลี้ยงแมวในบ้านมีปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งคือ แมวมักจะชอบลับเล็บด้วยการข่วนเล็บของมันกับโซฟา ตู้ หมอน ทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าปัญหาดังกล่าวมีมาก เจ้าของบางคนอาจจะเลือกวิธีการการถอดเล็บของมัน เพื่อป้องกันการทำลายสิ่งของจากการข่วนหรือลับเล็บของมัน แต่บางคนอาจจะคิดว่าเป็นวิธีการที่โหดร้าย ไม่เป็นสิ่งที่น่าทำ เมื่อลองจินตนาการดูนิ้วมือของเราเอง ปรากฎว่าไม่มีเล็บนั่นแหละคือการถอดเล็บ โดยทั่วไปการถอดเล็บมักจะทำกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่ใช่แมว เช่น เสือ หรือหมี เพราะมีโอกาสทำร้ายผู้เลี้ยงได้
การถอดเล็บไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เรามองเห็น แต่การถอดเล็บเป็นการตัด หรือทำลาย ทั้งประสาทรับความรู้สึกและประสาทสั่งงาน(sensory nerves and motor) โดยที่ภายหลังการทำการผ่าตัดถอดเล็บสามารถนำแมวกลับบ้านได้เลย
แต่ภายหลังการผ่าตัดถอดเล็บ แมวมักจะมีความเจ็บปวด ไม่สามารถเดินได้ถนัดนัก แมวอาจจะซึม ไม่สดชื่น เนื่องจากแมวยังไม่สามารถเดิน วิ่งเล่น ปีน ลับเล็บได้เหมือนอย่างที่มันเคยทำ การถอดเล็บจึงอาจจะทำร้ายแมวได้ แมวอาจจะเปลี่ยนนิสัยได้ มันอาจจะไม่ค่อยไว้ใจใครอีกต่อไป เป็นแมวขี้กลัว หรือดุร้ายมากขึ้น หรือขี้ขลาดไปเลย ถ้าการทำศัลยกรรมทำได้ไม่ดีนัก แมวอาจจะเจ็บขา เดินไม่ถนัด ต้องผ่าตัดแก้ไขอีก แต่โชคดีบ้านเราไม่ค่อยมีเจ้าของแมวนำแมวมาถอดเล็บ แต่มีการนำเสือ หมีมาทำแทน
พึงระลึกด้วยว่า ปัญหาการลับเล็บของแมว หรือการข่วนเฟอร์นิเจอร์ เป็นปัญหาที่เล็กน้อยไม่ใหญ่โตมากนัก ที่สำคัญเราสามารถนำวัตถุที่เราเตรียมไว้สำหรับการลับเล็บให้กับมันได้ ที่เรียกว่า "scratching post" สามารถฝึกได้ แต่การถอดเล็บเป็นสิ่งที่อาจจะดูโหดร้ายสำหรับเรา
พืชทีเป็นพิษกับแมว
แมวเป็นสัตว์ที่ชอบกัดกินใบไม้ชนิดหนึ่งเหมือนกัน ในบางครั้งการกินใบไม้ หรือต้นไม้ที่ปลูกเป็นไม้ประดับอยู่ในบ้านทำให้แมวได้รับอันตรายได้ด้วยเหมือนกัน เนื่องจากมันเป็นพิษต่อแมว รายต่อไปนี้เป็นรายชื่อ พืชที่มักนิยมปลูกในบ้าน แต่เป็นพืชที่เป็นพิษ หรือเป็นอันตรายต่อแมวตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงจนถึงระดับที่มีความรุนแรง ขึ้นอยู่กับว่าแมวได้รับ หรือกินพืชนั้นเข้าไปในร่างกายมาก หรือน้อย อย่าลืมว่า แมวที่เคี้ยวกินพืชที่เราใส่ปุ๋ย หรือสารเคมี หรือยาฆ่าแมลงให้กับพืชนั้น มันอาจจะมีผลต่อแมวได้โดยตรง หรือโดยอ้อมก็ได้ หรือแมวอาจจะได้รับสารนั้นผ่านทางดินที่ใช้ปลูกพืชก็ได้ เราสามารถป้องกันแมวที่เราเลี้ยงไว้ในบ้านไม่ให้กัดกิน หรือเคี้ยวพืชที่เราปลูกประดับบ้านได้ด้วยการโรยสิ่งที่มีกลิ่นฉุน เช่น พริกไทย ที่ใบของต้นไม้ หรือถ้าแมวชอบที่จะขุดดินในกระถาง เราอาจจะหาตะแกรงมาปกคลุมดินบนกระถางป้องกันการขุดก็ได้ ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้แมวอยู่ใต้ต้นไม้เวลาไปขุด การกัดแทะจะลดลง หรือถ้าเป็นไม้ประดับที่แมวชอบไปกัด เราอาจจะปลูกต้นไม้นั้นในกระถาง หรือกระเช้า แล้วนำไปแขวนไว้ แมวก็จะไม่สามารถเข้าถึงได้ อาการของแมวที่เกิดจากความเป็นพิษของพืชมีได้ตั้งแต่ ชักและมีน้ำลายฟูมปาก มีอาเจียน จนอาจจะหมดสติถึงตายได้ : เมื่อพบว่าแมวมีอาการดังกล่าวควรรีบนำแมวไปพบสัตวแพทย์ เพื่อให้การรักษาอย่างรีบด่วน หรือถ้าพบว่าแมวกำลังกินพืชที่เป็นพิษอยู่ (เห็น) ให้รีบนำไปพบสัตวแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้แมวแสดงอาการออกมา
· Aloe Vera
· Arrowhead Vine (all parts)
· Asparagus Fern
· Azalea
· Bird of Paradise (fruit, seeds)
· Boston Ivy (all parts)
· Caladium (all parts)
· Calla Lily
· Christmas Rose
· Chrysanthemum
· Creeping Charlie (all parts)
· Creeping Fig
· Crown of Thorns
· Daffodil
· Dieffenbachia
· Dumbcane (all parts)
· Easter lily
· Elephant Ears
· Emerald Duke (all parts)
· English Holly
· English and Glacier Ivy (leaves, berries)
· Heartleaf (all parts)
· Ivy (Hedera)
· Jerusalem Cherry
· Lily of the Valley (all parts)
· Majesty (all parts)
· Marble Queen (all parts)
· Mistletoe
· Nephthytis (all parts)
· Parlor Ivy (all parts)
· Philodendron (all parts)
· Poinsettia (leaves, flowers)
· Pothos (all parts)
หางของแมวบอกอารมณ์แมวได้อย่างไร
ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารทั้งมนุษย์และสัตว์แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ ภาษาพูด (ใช้เสียง) และภาษาท่าทาง (เป็นการใช้อวัยวะประกอบในการสื่อสาร) แมวสามารถใช้ หางในการสื่อสาร บ่งบอกถึงอารมณ์ของมัน(เช่น เดียวกันกับสัตว์ชนิดอื่นๆ) ดังต่อไปนี้.
ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น :แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย
ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง :แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ
ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง :แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน
ถ้าหางของแมวตั้งตรง โดยที่หาง หรือปลายหางกระดิก หรือสั้นอย่างนุ่มนวล : แสดงว่าแมวกำลังแสดงความชอบ ความรัก (showing affection).
ถ้าหางของแมวอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว : แสดงว่าแมว รู้สึกว่าถูกรบกวน หรือมีความกังวล ทุกข์
ถ้าหางของแมวนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก : แสดงว่าแมวกำลังรู้สึกโกรธมาก
ถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง : แสดงว่าแมวกำลังโกรธ*
ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน : แสดงว่าThe cat is แมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว
ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน : แสดงว่าแมวอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีก
ถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและลุกพองออก : แสดงว่าแมวกำลังกลัว
ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ :แสดงว่าแมวอาจจะ มีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ
ถ้าหางของแมวลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง :อาจจะแสดงว่าแมวกำลังยอมแพ้
ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และแมวหมอบ หรือย่อตัวอยู่ หรือยกส่วนตะโพกสูงขึ้น : แสดงว่าแมวตัวเมียตัวนั้นพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์ mate
สาเหตุของการเกาและเลียในสุนัขและแมว
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจโรคอันเป็นสาเหตุของการเกาและเลียในสุนัขและแมว อาการแพ้นั้นมีอยู่หลายโรค ที่เป็นสาเหตุให้สุนัขของคุณเกา เลีย ดึงขน หรือผิวหนังแดง เหล่านี้ได้แก่ โรคขี้เรื้อน โรคมะเร็ง ปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมและการติดเชื้อ พร้อมด้วยการวินิจฉัยโรคและการรักษาได้ถูก สรุปไว้ดังแสดงในตารางด้านล่างต่อไปนี้
อาการและลักษณะของโรคในแมว
โรค
ลักษณะของโรค
อาการของโรค
การวินิจฉัยโรค
การรักษาโรค
ภาวะภูมิแพ้ทางพันธุกรรม ( การอักเสบของผิวหนัง) : Atopy( Allergy inhalant Dermatitis )
การแพ้เกิดจากการที่สัตว์หายใจเอาละอองเกสร ดอกไม้ ตัวหิด และเชื้อราเข้าไป
เลียหรือแทะเท้า มีอาการอักเสบที่หู มีอาการคัน ผิวหนังเป็นผื่นแดง อาจจะเกิดการติดเชื้อหรือพุพอง
ตรวจอาการอักเสบของผิวหนังชั้นในและซีรัม
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งที่สัตว์แพ้ ใช้พวกsteroids กรดไขมัน ส่วนเพิ่มเติม : ใช้ "bactin" antihistamines แชมพู " การรักษาด้านภูมิคุ้มกัน
ภาวะแพ้อาหาร(Food Allergy)
แพ้อาหารบางชนิด
เลียหรือแทะเท้า มีอาการอักเสบที่หู มีอาการคัน ผิวหนังเป็นผื่นแดง อาจจะเกิดการติดเชื้อหรือพุพอง
จำกัดอาหาร
เปลี่ยนอาหาร
การแพ้และระคายเคืองต่อสิ่งที่มาสัมผัสผิวหนัง ( Allergic and Irritan Contact Dermatitis)
แพ้สิ่งที่ไปสัมผัส เช่น พวกขนสัตว์หรือพลาสติก
ผิวหนังแดงและบวมหรือเป็นแผลพองที่บริเวณผิวหนังที่มีขนบางๆ เกิดการระคายเคืองของผิวหนัง คัน
เอาผ้ามาปิดแผล ป้องกันการติดเชื้อ
กำจัดสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งที่แพ้ ใช้ steroids antihistamines
ผิวหนังอักเสบอันเกิดจากหมัด(Flea Allergy Dermatitis: Flea Bite Hypersensitivity
น้ำลายของหมัด
ผิวหนังแดง มีอาการคันอย่างรุนแรง ขนร่วง บางครั้งอาจจะทำให้เกิดการอักเสบ หรือพุพอง
การพบตัวหมัด การทดสอบการตอบสนองต่อผิวหนังชั้นใน
การควบคุมหมัดในสภาพแวดล้อมและบนตัวสัตว์ การใช้ steroids และ antihistaminesสำหรับอาการคัน
โรคขี้เรื้อนตัวไร( Sarcoptic mange)
การติดเชื้อจากตัวไรชนิด "Sarcopes"
เกิดอาการคันอย่างรุนแรง
ผิวหนังลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งตัวหมัดชนิดนี้หาพบยากมาก
Amitraz dips , ivermectin
โรคขี้เรื้อนขุมขน( Demodectic mange or red mange)
การติดเชื้อจากตัวหมัดชนิด Demodex เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันโรคผิดปกติ
ขนร่วง ผิวหนังเป็นสะเก็ด แดง มีตุ่มหนองเล็กๆที่ผิวหนัง มีอาการคัน
ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์
ไม่ใช้สาร steroids สามารถใช้ amitraz (mitaban) dips
โรค Cheyletiella ( Rabbit Fur Mite) Mange
เกิดการติดเชื้อจากตัวหมัด Cheyletiella
คัน ผิวหนังเป็นสะเก็ด
ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งตัวหมัดชนิดนี้หาพบยากมาก
Permethrin (ใช้ในสุนัขเท่านั้น หรือ Pyrethin
โรคขี้เรื้อนในแมว (Notoedric mange in cats)
เกิดการติดเชื้อจากตัวหมัด Notodres
เกิดอาการคันอย่างรุนแรง
ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์
Lime sulfer dips , Ivermectin
โรคกลากวงเดือน (Ring worm)
เกิดการติดเชื้อจากเชื้อราบางชนิด
ขนร่วง ผิวหนังเป็นสะเก็ด ผิวหนังจะมีบริเวณเป็นเปลือกแข็ง คันบ้างเล็กน้อย
การเพาะเชื้อ
Micronazole , lime sulfer dips, ให้กิน griseofulvin หรือ itraconazole
การติดเชื้อจากยีสต์ (Yeast Infection)
โดยส่วนใหญ่จะติดเชื้อจาก Malassezia หรือแอบแฝงมากับโรคอื่น
คัน ผิวหนังแดง แห้ง
ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ การเพาะเชื้อ
รักษาโรคแทรกซ้อน ให้กิน ketoconazole , miconazole อาบน้ำด้วยแชมพู
ตุ่มพุพอง : ผิวหนังชื้นแฉะ( Hot spots : acute moist dermatitis )
เป็นผลมาจากการถูกหมัดกัด โรคขี้เรื้อนและโรคต่อมทวารหนัก การได้รับการทำความสะอาดไม่เพียงพอ การติดเชื้อที่หู ดอกหรือฝักของต้นไม้ที่ติดตามขน การอักเสบของข้อต่อ
ขนร่วง ผิงหนังแดง แฉะจะทำให้เกาและเลีย
การตรวจและซักประวัติ
การรักษาอาการแทรกซ้อน ทำความสะอาดบริเวณที่เป็น ใช้ Demeboro solution ให้กินหรือทา antibiotic หรือ steroids
เนื้องอกร้ายของต่อมน้ำเหลืองของผิวหนัง(Cutaneous Lymphoma)
เป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่ไม่ค่อยพบ
คัน ผิวหนังแดง เกิดตุ่มเล็กๆ แผลเปื่อย
ตัดเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นโรคไปทำการตรวจวินิจฉัย
โดยปกติแล้วจะไม่ไม่ได้รับการตอบรับในการรักษา
เหา ( Lice )
การติดเชื้อจากพวกเหา
มีอาการไม่แน่นอน : คัน ขนร่วง หยาบ ผิวหนังแข็ง
พบตัวเหาหรือไข่เหาบนผิวหนังหรือขน
Permethrin (เฉพาะสุนัขเท่านั้น) หรือ Pyrethrin , ivermectin
การอักเสบของผิวหนังที่มีรอยพับย่น(Skin Fold Dermatitis)
เกิดบริเวณที่มีการพับของผิวหนัง เช่น บริเวณริมฝีปาก ปากช่องคลอด หน้า ( ในสุนัขพันธุ์ bulldog)
ผิวหนังแดง แฉะ คัน
การตรวจร่างกาย การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาหลักฐานของการติดเชื้อ
การรักษาการติดเชื้อ ทำความสะอาดทุกวัน ในกรณีรุนแรงควรได้รับการผ่าตัดทำศัลยกรรม
พยาธิปากขอ(Hookworms )
เกิดติดเชื้อจากตัวอ่อนของพยาธิปากขอ
บวมแดง โดยปกติจะเป็นที่เท้า อุ้งเท้าขรุขระ การยาวของเล็บผิดปกติ คัน
ตรวจร่างกายและตรวจประวัติ มักได้รับการสุขาภิบาลที่ไม่เพียงพอ
รักษาการติดเชื้อของระบบลำไส้ ย้ายสัตว์ไปยังสภาพแวดล้อมใหม่
ผิวหนังหนาอักเสบจากการเลีย แทะ( neurodermatitis : acral lick Dermatitis (dogs) , Psychogenic dermatitis (cats))
การเลียมีผลมาจากภาวะการบอบช้ำทางจิตใจ ความวิตกกังวล ความเบื่อหน่าย ความเครียด (เช่น การมีสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้าน)
ผิวหนังแดง ขนร่วง เป็นวง โดยปกติจะเกิดที่ขาหน้าในแมว : ขนร่วง ผิวหนังแฉะบริเวณท้อง ขาหนีบ หลัง
ตรวจสอบหาสาเหตุอื่น และดูประวัติสัตว์เป็นสำคัญ
ช่วยลด ผ่อนคลายอาการหรือสาเหตุที่ซ่อนเร้นอยู่ เช่น ความวิตกกังวล
การติดเชื้อจากแบคทีเรีย(Bacteria infection)
มักเป็นผลมาจากโรคหรือภาวะอื่น
ผิวหนังแดง มีตุ่มหนองเล็กๆตามผิวหนัง บวม บางที่อาจมีอาการคัน
การตรวจร่องรอยด้วยกล้องจุลทรรศน์ การเพาะเชื้อ
การรักษาอาการแทรกซ้อน ให้กินหรือ /และทา antibiotic
หมัดในหู(Ear Mites)
การติดเชื้อพวก Otodectes
คันอย่างรุนแรงที่หู แดง มีขี้หู
ผิวหนังถลอกและตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์
ทำความสะอาดหู และใช้ยาพวก pyrethrin (Ear miticide)
Pelodera Dermatitis
การติดเชื้อโดยบังเอิญจากพวกพยาธิตัวอ่อนของหนอนพยาธิที่บริเวณฟางข้าวหรือวัตถุอื่นๆ
อาการคันอย่างรุนแรง ผิวหนังแดง
ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์
ย้ายที่นอน อาบน้ำด้วยแชมพูที่มีสารป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ใช้สารพวก steroids ถ้าจำเป็น ในการควบคุมอาการคัน
Chiggers ( Harvest mites)
เป็นโรคที่เกิดตามฤดูกาล มีสาเหตุมาจากตัวอ่อนของพวกChigger
คัน บวม ปกติจะเกิดที่เท้า ท้อง และตามรอยพับที่ฐานของหู
สังเกตเห็นตัวอ่อนของหมัด การตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์
Permethrin (เฉพาะสุนัขเท่านั้น ) หรือ Pyrethrin
การเลี้ยงดูลูกแมว
การเลี้ยงลูกแมวกำพร้าแม้ต้องมีตารางประจำวันในการให้อาหารที่เหมาะสม การขับถ่ายการเล่นและการนอนหลับ โดยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกแมวต้องคำนึงถึง
1. โภชนาการและการหย่านม
2. สุขอนามัย
3. อุณหภูมิและความชื้น
4. การป้องกันโรค
5. การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม
ลูกแมวสุขภาพดีจะจ้ำม่ำแข็งแรง มีชีวิตชีวา หลับนาน ลูกแมวที่สุขภาพไม่ดีจะมีกล้ามเนื้อที่ไม่สมบูรณ์ ร้องบ่อยถ้าไม่ช่วยเหลือ อ่อนแอ ซึมเศร้า เฉื่อยชา
โภชนาการและการหย่านม
ลูกแมวจะได้รับน้ำนมน้ำเหลืองใน 12 ชั่วโมงแรก ลูกแมวจะดูดซึมภูมิคุ้มกันจากน้ำนมน้ำเหลืองได้ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกนับจากคลอด ในกรณีที่แม่แมวไม่สามารถเลี้ยงดูลูกแมวได้ ลูกแมวต้องดูดนมจากขวดหรือหลอดหยดตามแต่จะหาได้
การให้อาหารแบบหลอดผู้ให้ต้องได้รับการฝึกอย่างดี เพราะอาหารอาจเข้าสู่ปอดย่างไม่ตั้งใจทำให้หมดสติ การให้อาหารแบบหลอดจึงเสี่ยง อนุญาตให้ใช้เฉพาะในลูกแมวอ่อนแอซึ่งต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ ควรลูบหลังลูกแมวให้เรอระหว่างให้อาหารและหลังอาหาร โดยนำมันผาดไหล่ ให้ตัวตั้งตรงและตบหลังเบาๆ การให้น้ำนมจากขวดหรือหลอดต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปอดบวมหรือการสำลักน้ำ
ใน 24-28 ชั่วโมงแรก ลูกแมวต้องการนม 1 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง แต่ละวันเพิ่มจำนวนขึ้น 0.5 มิลลิลิตร จนถึง 10 มิลลิลิตรต่อมื้อ จึงหยุดเพิ่ม ใน 1 วันลูกแมวควรได้รับอาหาร 6-9 มื้อ
ในช่วง 2 สัปดาห์ ให้อาหารลูกแมว 5-7 มิลลิลิตรต่อครั้ง
ช่วง 3 สัปดาห์ จะเริ่มให้อาหารอ่อน 3 เวลาต่อวัน และยังมีการให้นมจากขวดอยู่
ในสัปดาห์ที่ 4 ลูกแมวควรได้รับน้ำนมจากขวด 4-6 ครั้งต่อวันร่วมกับอาหารอ่อน 4-5 ครั้งต่อวัน ลดการให้อาหารช่วงกลางคืนลง
ลูกแมวจะกินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 7 สัปดาห์
สัญญาณแรกของการเจ็บป่วย คือ น้ำหนักลด น้ำหนักของลูกแมวจะเพิ่มขึ้น 50-100 กรัมต่อสัปดาห์ เมื่อลูกแมวอายุ 14 วัน น้ำหนักจะเพิ่มเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด ถ้าลูกแมวน้ำหนักไม่เพิ่มควรให้อาหารเพิ่มขึ้น
สุขอนามัย
ลูกแมวเกิดใหม่จะไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยังเจริญไม่สมบูรณ์ ลูกแมวต้องได้รับการกระตุ้นโดยใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นลูบบริเวณทวารหนัก จะทำให้ลูกแมวปัสสาวะ อุจจาระภายใน 1-2 นาที โดยปกติลูกแมวอายุ 21 วัน จะขับถ่ายของเสียได้เอง หมั่นสังเกตปัสสาวะและอุจจาระของลูกแมว ปัสสาวะปกติควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส ถ้ามันมีสีเหลืองคล้ำหรือส้มแสดงว่าลูกแมวได้รับอาหารไม่เพียงพอ ปกติอุจจาระจะมีสีน้ำตาลจางหรือเข้ม อุจจาระสีเขียวแสดงถึงโรคติดเชื้อ ถ้าอุจจาระแข็งมากแสดงว่าให้อาหารทีละมากๆ แต่ให้ไม่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด มีแก๊ส หายใจไม่สะดวก
อุณหภูมิและความชื้น
ลูกแมวเกิดใหม่ยังไม่สามารถรักษาความร้อนของร่างกาย หรือสั่นตัวเพื่อให้เกิดความร้อนได้ จึงต้องมีที่ให้ความร้อนแก่ลูกแมว เช่น ตู้อบ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถูกออกแบบสำหรับลูกสัตว์เกิดใหม่ จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมและควรระมัดระวังอย่าให้ความร้อนสูงเกินไป ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ในบริเวณนั้นเพื่อคอยสังเกตอุณหภูมิ ในสัปดาห์แรกอุณหภูมิควรอยู่ที่ 85-90 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้น 55-65% พอ 3 สัปดาห์ลดอุณหภูมิลงเป็น 75 องศาฟาเรนไฮต์ ลองสังเกตถ้าลูกแมวมาอยู่รวมกันแสดงว่ามันหนาวไป แต่ถ้าลูกแมวอยู่ห่างกันคนละมุมแสดงว่าร้อนไป ลูกแมวที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำควรทำให้อบอุ่นอย่างช้าๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง จนลูกแมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติ 97 องศาฟาเรนไฮต์
ควรรักษาความชื้นโดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำวางเหนือกล่องที่ลูกแมวอยู่ จะช่วยเพิ่มความชื้นได้ ไม่ควนเลี้ยงลูกแมวในที่อับชื้น หรือบนพื้นที่ผุพัง เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งอาจเกิดโรคทางเดินหายใจได้ การควบคุมอุณหภูมินั้นสำคัญกว่าในเรื่องความชื้น ลูกแมวควรอยู่ในที่ที่มีผิวสัมผัสที่ดี เช่น ผ้าห่ม ขนแกะ จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกแมว
การป้องกันโรค
ลูกแมวอาจติดโรคได้ง่าย เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าหากไม่ได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ นมน้ำเหลือง 24 ชั่งโมงแรกหลังคลอดจะมีแอนติบอดีมากมาย ซึ่งแอนติบอดีจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลูกแมวที่ไม่ได้กินนมน้ำเหลืองจะมีภูมิคุ้มกันโรคน้อย และควรฉีดวัคซีนให้ลูกแมวด้วย ลูกแมวอาจได้รับอันตรายจากพยาธิ จึงควรถ่ายพยาธิให้ลูกแมว เริ่มเมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ และถ่ายซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 8 และ 10สัปดาห์
การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม
เราควรลูบขน กอด และให้ลูกแมวเล่นกับคนประมาณ 30-40 นาทีต่อวัน นอกเหนือจากการให้อาหารและทำความสะอาดให้มัน ลูกแมวต้องการการกระตุ้น ควรปูรองพื้นกล่องที่ลูกแมวนอนด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ลูกแมวจะอบอุ่นและหลับสบาย สิ่งสำคัญคือทำให้เหมือนลูกแมวเป็นสมาชิกในบ้านในช่วง 3-6 สัปดาห์ จำไว้ว่ามันยังเด็ก ต้องจับอย่างทะนุถนอม แต่ต้องเริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับเสียง การขับถ่าย คนแปลกหน้า และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
สรุป ไม่ต้องกังวลว่าการเลี้ยงลูกแมวเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ลูกแมวสุขภาพดี มีความสุขที่คุณเลี้ยงมาคือรางวัลที่วิเศษที่สุด
การควบคุมดูแลแมวที่มีอายุมากของคุณเกี่ยวกับอาการของโรคต่างๆ
ถ้าแมวที่มีอายุมีท่าทางว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างเกี่ยวกับหน้าที่ของระบบต่างๆในร่างกายมากขึ้น อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากการมีอายุมากขึ้น หรืออาจจะเกิดจากการมีโรคเกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งเหล่านี้จะช่วยเตือนให้รู้ว่าเป็นโรคได้แต่เนิ่นๆ ขบวนการ
การควบคุมการกินอาหาร ว่าจะให้กินเมื่อใด กินอาหารประเภทไหน มีการกินหรือการกลืนลำบากหรือเปล่า และอาเจียนหรือไม่
การควบคุมการกินน้ำ โดยดูว่ามีการกินน้ำมากกว่าหรือน้อยกว่าปกติหรือไม่
การควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระโดยดูที่ สี ปริมาณ ความเข้มข้น ความถี่ในการขับถ่าย หรือดูว่ามีอาการเจ็บปวดขณะปัสสาวะหรืออุจจาระหรือไม่ หรือดูว่ามีการขับถ่ายเรี่ยราดหรือไม่
ชั่งน้ำหนักทุกๆ 2 เดือน
มีการตรวจและตัดเล็บ ตรวจดูแผลตามตัว รวมถึงกลิ่นที่ผิดปกติ การขยายใหญ่ของช่องท้องและดูว่ามีอาการขนร่วงหรือไม่
การควบคุมด้านพฤติกรรม ดูการนอน การแสดงออกต่อผู้คนรอบข้างมีอาการตกใจง่ายหรือไม่ และลักษณะท่าทางการนอนผิดปกติหรือไม่
การควบคุมด้านท่าทางและการเคลื่อนไหว เช่นมีการชักหรือไม่ การสูญเสียการทรงตัว หรือเจ็บขา
ดูความผิดปกติของการหายใจ หรือดูว่ามีการไอ มีการหอบหายใจ การจามหรือไม่
ดูแลสุขภาพฟัน แปรงฟันให้แมวอย่างสม่ำเสมอ ดูว่ามีสิ่งผิดปกติในปากหรือไม่ ดูปริมาณน้ำลาย และดูลักษณะสีของเหงือกว่าเป็นสีเหลือง ชมพูหรือม่วง
ควบคุมอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมว่าแมวของคุณมีความสุขสบายหรือไม่
พาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ของคุณเป็นประจำ
ลักษณะอาการที่พบบ่อยและโรคที่เกี่ยวข้อง
การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม โรคที่เกี่ยวข้อง คือ ความเจ็บปวดจากข้ออักเสบหรือสภาวะอื่นๆ การสูญเสียการมองเห็นและการได้ยิน โรคตับ โรคไต โรค Hepatic lipidosis
การอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การทำงานผิดปกติของ Mitral valve โรคหัวใจ โรคโลหิตจาง โรคอ้อน โรคมะเร็ง
การเปลี่ยนแปลงในด้านความกระตือรือร้นของร่างกาย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรค Hyperthyroidism โรคข้ออักเสบ ความเจ็บปวดต่างๆ ความอ้วน โลหิตจาง ความผิดปกติของ Mitral valve และโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคมะเร็ง
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น โรคที่เกี่ยวข้อง คือ ความอ้วน
น้ำหนักลด โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคมะเร็ง โรคไต โรคตับ โรคของระบบทางเดินอาหาร การกินอาหารลดลง Hyperthyroidism Hepatic lipidosis โรคฟัน ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ Mitral valve โรคหัวใจ การอักเสบของลำไส้
การไอ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคหอบ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง
การดื่มมากและปัสสาวะบ่อย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต Hyperthyroidism
การอาเจียน โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคไต โรคตับและโรคของระบบทางเดินอาหาร
อาการท้องเสีย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคของระบบทางเดินอาหาร การอักเสบของลำไส้ โรคไต โรคตับ และอาจเกิดจากการเปลี่ยนอาหารเร็วเกินไป
การชัก โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคลมชัก ( Epilepsy ) โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต
อาการลมหายใจเหม็นผิดปกติ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคฟัน โรคมะเร็งในช่องปาก โรคไต
อาการขาเจ็บ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การลุกลำบาก การเดินผิดปกติ ข้ออักเสบ ความอ้วน เบาหวาน
การกลั้นปัสสาวะไม่ได้หรือการถ่ายเรี่ยราด โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การเป็นเนื่องจากข้ออักเสบ การอักเสบของลำไส้ Bladder stones โรคมะเร็ง
อาการบวมและการกระแทก โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคมะเร็งและเนื้องอกต่างๆ
การเปลี่ยนความอยากของอาหาร โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต ความเครียดและความเจ็บปวดต่างๆ อาจเกิดจากฤทธิ์ของยา โรคปากและฟัน Hyperthyroidism และ Hepatic lipidosis
วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
แมวพันธุ์อะบิสซิเนียน (Abyssinians)
Abyssinian เป็นแมวที่สืบสายพันธุ์มาจากแมวของชาวอียิปต์โบราณ ที่เป็นที่เคารพสักการะบูชา เป็นแมวที่มีสีสันสวยงาม และมีสีขนที่มีลักษณะเป็นสีสลับกันในเส้นเดียวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน Abyssinian เป็นแมวที่มีขนาดปานกลาง และมีลักษณะท่าทางภายนอกที่สง่าผ่าเผย เป็นแมวที่มีความแข็งแรงดูมีกล้ามเนื้อ มีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งที่อยู่รอบตัวมัน แต่แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลภายใน แสดงให้เห็นถึงลักษณะทางกายภาพและลักษณะทางอารมณ์ที่มีความกลมกลืนกัน เป็นแมวที่มีความรักเจ้าของ ฉลาดปราดเปรียว และมีความขี้เล่นประสาแมว Abyssinian จึงจัดเป็นสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ชอบเลี้ยงแมวในปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมา
ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครที่จะสามารถบอกถึงแหล่งหรือต้นกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ได้ว่ามีต้นกำเนิดจากที่ไหน และเมื่อไร แต่มีเรื่องที่ยังคงเล่าต่อ ๆ กันมาว่า Abyssinian นี้ เป็นแมวที่สืบสายพันธุ์มาจากแมวศักดิ์สิทธิ์ หรือแมวที่เคารพบูชาสักการะกันของพวกชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งชาวอียิปต์เรียกว่า “Myeu” คาดว่าเป็นระยะเวลากว่า 4,000 ปีมาแล้วก็ว่าได้ ลักษณะของแมวสายพันธุ์นี้ จะสังเกตได้ว่ามีลักษณะที่ประจำตัวของมัน ที่มีความสอดคล้องกับสมมุติฐานข้างต้น กล่าวคือ ลักษณะของมันมีลักษณะที่คล้ายคลึงหรือเหมือนกับหลักฐานทางโบราณคดีที่ถูกค้นพบอันได้แก่ ภาพวาดสีบนผนังถ้ำโบราณ และรูปั้นหรือรูปแกะสลักต่าง ๆ ของชาวอียิปต์ จึงเป็นหลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Abyssinian กับแมวอียิปต์โบราณ
ต้นกำเนิดหรือจุดกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ ที่ทำให้พวกเราได้รู้จักแมวพันธุ์นี้ คาดว่ามาจากแมวพันธุ์ “Abyssinain” ที่มีชื่อว่า “Zula” ซึ่งถูกนำเข้ามาจากประเทศ Abyssinia (ซึ่งปัจจุบันคือประเทศ Ethiopia) โดยนายทหารที่ไปทำการรบในสงคราม “Abyssinian” ที่เกาะ Zulu ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1868 ตามหนังสือที่บันทึกไว้โดย Dr. Gordon Staples ในปี ค.ศ.1874 แต่อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ “Abyssinian” นี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน กล่าวคือ บางความเชื่อก็เชื่อว่า Abyssinian นี้เป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองของอังกฤษอยู่แล้ว หรือบางความเชื่อก็เชื่อว่า Abyssinian ที่เลี้ยงกันในปัจจุบันนี้ สืบสายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริเวณชายฝั่งของแถบมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น
ในตอนต้นศตวรรษที่ 19 เชื่อกันว่าได้มีการนำเข้าแมวสายพันธุ์ “Abyssinian” นี้จากประเทศอังกฤษ เข้าไปยังทวีปอเมริกาเหนือ และต่อมาในช่วง ค.ศ.1930-1939 ก็ได้มีการขยายพันธุ์แมวพันธุ์นี้ออกไป จนกระทั่ง Abyssinian นี้กลายเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากพันธุ์หนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้น Abyssinian นี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ๆ ต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ Abyssinian กลายเป็นแมวพันธุ์ที่ได้รับความชื่นชอบเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ในกลุ่มแมวจำพวกแมวสายพันธุ์ขนสั้น (สถิติข้อมูลจาก CFA: Cat Fancier’s Association)
ลักษณะทั่วไปภายนอก
Abyssinian เป็นแมวที่มีสีสรรสดใสสวยงาม มีขนที่มีลักษณะเป็น ticked คือ ลักษณะที่สีขนมีสีสลับกันสองสีภายในเส้นเดียวกัน สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นลักษณะเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ มีขนาดรูปร่างที่ไม่ใหญ่มาก ขนาดปานกลาง และมีลักษณะประจำสายพันธุ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมีท่าทางที่สง่างาม เช่นเดียวกับสัตว์ที่อยู่ในป่า เช่น เสือหรือสิงโต มีขนาดสัดส่วนของร่างกายที่เหมาะสม ทำให้รูปร่างของลำตัวเกิดความสมดุลย์
ศีรษะ - มีลักษณะเป็นรูปลิ่มเป็นสันสูง ไม่มีลักษณะที่เป็นแผ่นเรียบ และสันรูปลิ่มนี้จะต่อยาวลงมาถึงบริเวณต้นคอ ขนทางด้านหน้าบริเวณศีรษะมีลักษณะเป็นรูปตัว M
ใบหูู - มีลักษณะที่ว่องไวปราดเปรียว คอยระแวดระวังภัย เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา มีลักษณะของหูที่ใหญ่ อีกทั้งยังมีส่วนของใบหูที่กว้างขยายออก และมีรูปร่างของหูเป็นรูปถ้วย ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการรับฟังเสียงจากภายนอกได้อย่างชัดเจน
ดวงตา - มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับเมล็ดอัลมอนด์ มีขนาดของดวงตาที่ใหญ่ ที่บริเวณขอบตามีสีของเส้นขนที่เข้ม ล้อมอยู่โดยรอบบริเวณดวงตาที่มีลักษณะสีขนที่อ่อนกว่า จึงเป็นการเน้นบริเวณดวงตาให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับสีของดวงตานั้นที่พบได้โดยมาก จะเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว
ลำตัว - มีความยาวปานกลาง สามารถโค้งงอได้อย่างเป็นสัดส่วน ดูสวยงามเป็นสง่า มีการเจริญของกล้ามเนื้อดี สามารถเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก และที่สำคัญที่สุด คือ มีความสมดุลย์ของร่างกาย มีกระดูกที่แข็งแรงและสามารถยืนด้วยปลายเท้าได้อย่างมั่นคง
หาง - ค่อนข้างที่จะยางเรียว และค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปเรื่อย ๆ จากบริเวณโคนหางถึงปลายหาง
ขน - มีลักษณะที่นุ่ม เรียบลื่นและเป็นมันเงา
ขาและเท้า - มีลักษณะของขาภายนอกที่ยาวเรียวได้สัดส่วน มีส่วนของกระดูกขาเจริญและแข็งแรงดี อุ้งเท้ามีขนาดเล็ก กลมรีเป็นรูปไข่ และอัดตัวกันแน่น
นิ้วเท้า - ที่บริเวณขาหน้ามี 5 นิ้ว และบริเวณขาหลังมี 4 นิ้ว
ลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ของสายพันธุ์
ลักษณะของขนที่เป็นวงสีขาว หรือจุดสีขาวบริเวณส่วนใด ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณโพรงจมูก, คาง, บริเวณส่วนขนของคอ หรือบริเวณหาง, ขนสีดำบริเวณคอ, ผิวหนังสีเทา เป็นต้น ใน Abyssinian พันธุ์ที่มีขนสีแดง แต่กลับมีขนเป็นสีดำ ก็ถือเป็นลักษณะด้อยผิดปกติ หรือลักษณะของนิ้วเท้าที่มีจำนวนผิดปกติผิดไปจากเดิม ก็ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่เหมาะสมของสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน
ลักษณะนิสัย
ลักษณะนิสัยที่สำคัญของ Abyssinian นี้คงไม่เหมาะแน่สำหรับบุคคลที่ต้องการจะได้แมวเพื่อมาเลี้ยงเป็นแมวสวยงาม หรือเลี้ยงไว้เพียงเพื่อมาไว้นั่งอยู่แต่บนตักเพียงอย่างเดียว เพราะลักษณะนิสัยที่สำคัญของแมวพันธุ์นี้ คือ ความกล้าหาญ, ความทะนงองอาจ, ความอยากรู้อยากเห็น ไม่หยุดนิ่งอยู่เฉย ๆ เป็นแมวที่ชอบการผจญภัย ชอบโดดขึ้นไปอยู่บนที่สูง ๆ ยกตัวอย่างเช่น บนตู้เย็น หรือบนชั้นวางหนังสือ ชอบไปมีปฏิสัมพันธ์เที่ยวเล่นกับแมวตัวอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งคำว่า Abys นี้ก็เป็นคำที่มีความหมายอยู่ในตัวอยู่แล้ว คือ ความกระตือรือร้น หรือถ้าบุคคลใดต้องการแมวที่สามารถที่จะสร้างเสียงหัวเราะให้ได้ Abyssinian ก็จัดได้ว่าเป็นพันธุ์แมวพันธุ์หนึ่งที่ไม่เป็นรองพันธุ์อื่น ๆ เช่นกัน เพราะท่าทางที่น่ารักชอบผู้คน และฉลาดหลักแหลมของมัน เป็นสิ่งที่ทำให้คนรักแมวต้องชื่นชอบมันอย่างแน่นอน
สำหรับลักษณะนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Abyssinian ก็คือ ความซื่อสัตย์, รักเจ้าของ, เชื่อฟังคำพูดของเจ้าของ และมีความน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้แต่ละวันในชีวิต เป็นวันที่มีแต่ความสุข เพราะเจ้า Abyssinian นี้จะเข้าไปนั่งอยู่ในจิตใจคุณ คอยแบ่งปันความทุกข์เมื่อยามที่คุณทุกข์ หรือร่วมมีความสุขเมื่อยามที่คุณสุข เป็นเพื่อนร่วมทานอาหารเย็นกับคุณ และคอยติดตามคุณไปทุกหนทุกแห่ง เป็นเพื่อนที่คอยอยู่ใกล้คุณอยู่เสมอ
ลักษณะการดูแล
ขนของ Abyssinian นี้เป็นขนที่ง่ายต่อการดูแลรักษา สำหรับวิธีในการดูแลนั้นก็ง่ายมาก เพียงแค่การแปรงขนให้มันเพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อขจัดขนที่ผลัดออกมา และคอยหมั่นตัดเล็บเท้าให้มันทุก ๆ 3-4 สัปดาห์ต่อครั้ง ก็จะช่วยทำให้เจ้า Abyssinian ที่แสนสวยและน่ารักของคุณนี้ ยังคงความน่ารักน่าเอ็นดูตลอดไป
การดูแลรักษาสุขภาพ
ตามปกติ Abyssinian จะเป็นพันธุ์แมวที่ค่อนข้างจะแข็งแรง มีสุขภาพดี เป็นแมวที่มีกิจกรรมทำตลอดเวลา เป็นแมวที่ค่อนข้างจะมีอายุยืน บางตัวสามารถมีอายุอยู่ได้ถึง 20 ปีก็มี อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่า มันเป็นแมวที่คอยหากิจกรรมทำตลอดเวลาไม่ยอมหยุดนิ่ง จึงควรที่จะคอยดูแลหรือเอาใจใส่มัน ให้เล่นหรือทำกิจกรรม อยู่ในเขตหรือขอบข่ายที่เราสามารถจะควบคุมได้ ซึ่งสิ่งนี้ยังมีผลดีต่อตัวมันเองด้วย คือเป็นการป้องกันการติดเชื้อโรคจากภายนอกได้ นอกจากนี้การดูแลมันไม่ให้มันออกมานอกเขตการดูแลแล้ว ยังจะต้องคอยหมั่นตรวจโปรแกรมการฉีดวัคซีนตามกำหนดต่อสัตวแพทย์ด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวมัน
สำหรับโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับ Abyssinian นี้ก็เช่นเดียวกับโรคที่เกิดกับแมวตัวอื่น ๆ นั่นก็คือ โรคเหงือกอักเสบ (gingivitis) ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่ไม่รุนแรงมาก ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้บ้าง เราก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่มีผลต่อการเกิดโรคนี้ได้ สำหรับอาการของโรค เริ่มแรกจะเริ่มมีส่วนของเหงือกที่มีอาการบวมแดง และมีการหายใจหรือลักษณะของลมหายใจที่ผิดปกติ ปัจจัยที่สำคัญที่จะหลีกเลี่ยงหรือรักษาโรคเหงือกอักเสบนี้ได้คือ การควบคุมการกินอาหาร อีกทั้งควรจะหมั่นแปรงฟันให้มันตั้งแต่เล็ก ทุก ๆ สัปดาห์จนกระทั่งเป็นกิจวัตรประจำวัน และที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือควรที่จะพามันไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะตรวจสุขภาพฟัน แค่นี้โรคเหงือกอักเสบที่น่ากลัว ก็จะไม่มารบกวนเจ้า Abyssinian สุดที่รักของคุณอีกต่อไป
อีกโรคหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่าโรคเหงือกอักเสบ (gingivitis) ก็คือโรคความผิดปกติของไต ที่เรียกว่า Renal Amyloidosis เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม สามารถพบได้ในแมวพันธุ์ Abyssinian เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับแมวพันธุ์แท้ หรือแมวพันธุ์ผสมไม่ใช่เฉพาะกับ Abyssinian เท่านั้น แต่กับแมวพันธุ์อื่น หรือกับมนุษย์ก็สามารถที่จะเกิดอาการของโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อแมวที่ถูกใจสักตัวหนึ่ง ควรที่จะสังเกตให้ดีก่อนว่า แมวตัวนั้นมีอาการของโรคหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้เลี้ยงเอง
ชนิดสีขนของ Abyssinian
ตามมาตรฐานของการแบ่งสีขนในการประกวดของ CFA Breed Standard : Abyssinian
สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 สีด้วยกันคือ
RED (สีแดงเข้ม)
RUDDY (สีน้ำตาลแดง)
BLUE (สีเทาอมน้ำเงิน)
FAWN (สีส้มอมชมพู)
RED (สีแดงเข้ม)
ลักษณะของขนจะหนา เน้นเป็นสีแดงเรื่อ ๆ กล่าวคือ มีการไล่กระจายบริเวณของสีทำให้สีไม่เข้มมากเกินไปอยู่เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งเพียงจุดเดียว เส้นขนมีการสลับสีกันระหว่างสีช็อกโกแลตและสีน้ำตาล ส่วนปลายขนจะมีสีเข้มมากที่สุด ผิวหนังบริเวณลำตัวมีสีออกแดง ส่วนปลายหางมีสีน้ำตาลอมช็อกโกแลต มีส่วนสีที่บริเวณขาทั้งทางด้านนอกและด้านในที่กลมกลืนกับสีหลักของลำตัว หน้าอกและท้อง ส่วนที่บริเวณจมูกมีสีออกแดงอมชมพู ระหว่างนิ้วเท้ามีสีน้ำตาลอมช็อกโกแลตขั้นอยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
RUDDY (สีน้ำตาลแดง)
ลักษณะของเส้นขนจะมีการสลับสีกันระหว่างสีน้ำตาลกับสีดำเข้ม และที่บริเวณปลายสุดของเส้นขนนั้น จะมีสีเข้มมากที่สุด ส่วนผิวหนังบริเวณลำตัวจะมีสีน้ำตาลอมส้ม ปลายหางมีสีดำ ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง ส่วนบริเวณจมูกจะมีสีทึบมีสีออกน้ำตาลแดง ส่วนอุ้งเท้าจะมีสีดำหรือน้ำตาลก็ได้ และมีสีดำขั้นระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
BLUE (สีเทาอมน้ำเงิน)
ลักษณะของเส้นขน มีการสลับสีกันระหว่างสีเทาอมน้ำเงินด้วยกันเอง เพราะมีความเข้มอ่อนของสีที่ไม่เท่ากัน ส่วนปลายสุดของเส้นขนมีสีเข้มมากที่สุด ส่วนผิวหนังบริเวณลำตัวมีสีแดงอมชมพูกลมกลืนกับสีเทาอ่อน ส่วนปลายหางมีสีเทาอมน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของเส้นขนทั่วไป ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง ปลายจมูกมีสีชมพูเข้ม ส่วนสีที่อุ้งเท้ามีสีม่วงอมน้ำเงินและมีสีเทาอมน้ำเงินเข้ม อยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
FAWN (สีส้มอมชมพู)
ลักษณะของเส้นขน มีการสลับสีกันระหว่างสีน้ำตาลอ่อนกับสีโกโก้ และที่บริเวณปลายสุดของเส้นขนนั้น จะมีสีเข้มมากที่สุด ผิวหนังบริเวณลำตัวเป็นสีเทา ส่วนปลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนผสมกับสีโกโก้เช่นเดียวกับสีทั่วไปของร่างกาย ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง จมูกสีส้มอ่อน อุ้งเท้าสีชมพูและมีสีน้ำตาลอ่อนผสมกับสีโกโก้อยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
http://www.tdl.com
http://www.breedlist.com
http://www.petplace.com
http://www.cfainc.org
ประวัติความเป็นมา
ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครที่จะสามารถบอกถึงแหล่งหรือต้นกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ได้ว่ามีต้นกำเนิดจากที่ไหน และเมื่อไร แต่มีเรื่องที่ยังคงเล่าต่อ ๆ กันมาว่า Abyssinian นี้ เป็นแมวที่สืบสายพันธุ์มาจากแมวศักดิ์สิทธิ์ หรือแมวที่เคารพบูชาสักการะกันของพวกชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งชาวอียิปต์เรียกว่า “Myeu” คาดว่าเป็นระยะเวลากว่า 4,000 ปีมาแล้วก็ว่าได้ ลักษณะของแมวสายพันธุ์นี้ จะสังเกตได้ว่ามีลักษณะที่ประจำตัวของมัน ที่มีความสอดคล้องกับสมมุติฐานข้างต้น กล่าวคือ ลักษณะของมันมีลักษณะที่คล้ายคลึงหรือเหมือนกับหลักฐานทางโบราณคดีที่ถูกค้นพบอันได้แก่ ภาพวาดสีบนผนังถ้ำโบราณ และรูปั้นหรือรูปแกะสลักต่าง ๆ ของชาวอียิปต์ จึงเป็นหลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Abyssinian กับแมวอียิปต์โบราณ
ต้นกำเนิดหรือจุดกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ ที่ทำให้พวกเราได้รู้จักแมวพันธุ์นี้ คาดว่ามาจากแมวพันธุ์ “Abyssinain” ที่มีชื่อว่า “Zula” ซึ่งถูกนำเข้ามาจากประเทศ Abyssinia (ซึ่งปัจจุบันคือประเทศ Ethiopia) โดยนายทหารที่ไปทำการรบในสงคราม “Abyssinian” ที่เกาะ Zulu ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1868 ตามหนังสือที่บันทึกไว้โดย Dr. Gordon Staples ในปี ค.ศ.1874 แต่อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ “Abyssinian” นี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน กล่าวคือ บางความเชื่อก็เชื่อว่า Abyssinian นี้เป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองของอังกฤษอยู่แล้ว หรือบางความเชื่อก็เชื่อว่า Abyssinian ที่เลี้ยงกันในปัจจุบันนี้ สืบสายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริเวณชายฝั่งของแถบมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น
ในตอนต้นศตวรรษที่ 19 เชื่อกันว่าได้มีการนำเข้าแมวสายพันธุ์ “Abyssinian” นี้จากประเทศอังกฤษ เข้าไปยังทวีปอเมริกาเหนือ และต่อมาในช่วง ค.ศ.1930-1939 ก็ได้มีการขยายพันธุ์แมวพันธุ์นี้ออกไป จนกระทั่ง Abyssinian นี้กลายเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากพันธุ์หนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้น Abyssinian นี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ๆ ต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ Abyssinian กลายเป็นแมวพันธุ์ที่ได้รับความชื่นชอบเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ในกลุ่มแมวจำพวกแมวสายพันธุ์ขนสั้น (สถิติข้อมูลจาก CFA: Cat Fancier’s Association)
ลักษณะทั่วไปภายนอก
Abyssinian เป็นแมวที่มีสีสรรสดใสสวยงาม มีขนที่มีลักษณะเป็น ticked คือ ลักษณะที่สีขนมีสีสลับกันสองสีภายในเส้นเดียวกัน สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นลักษณะเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ มีขนาดรูปร่างที่ไม่ใหญ่มาก ขนาดปานกลาง และมีลักษณะประจำสายพันธุ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมีท่าทางที่สง่างาม เช่นเดียวกับสัตว์ที่อยู่ในป่า เช่น เสือหรือสิงโต มีขนาดสัดส่วนของร่างกายที่เหมาะสม ทำให้รูปร่างของลำตัวเกิดความสมดุลย์
ศีรษะ - มีลักษณะเป็นรูปลิ่มเป็นสันสูง ไม่มีลักษณะที่เป็นแผ่นเรียบ และสันรูปลิ่มนี้จะต่อยาวลงมาถึงบริเวณต้นคอ ขนทางด้านหน้าบริเวณศีรษะมีลักษณะเป็นรูปตัว M
ใบหูู - มีลักษณะที่ว่องไวปราดเปรียว คอยระแวดระวังภัย เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา มีลักษณะของหูที่ใหญ่ อีกทั้งยังมีส่วนของใบหูที่กว้างขยายออก และมีรูปร่างของหูเป็นรูปถ้วย ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการรับฟังเสียงจากภายนอกได้อย่างชัดเจน
ดวงตา - มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับเมล็ดอัลมอนด์ มีขนาดของดวงตาที่ใหญ่ ที่บริเวณขอบตามีสีของเส้นขนที่เข้ม ล้อมอยู่โดยรอบบริเวณดวงตาที่มีลักษณะสีขนที่อ่อนกว่า จึงเป็นการเน้นบริเวณดวงตาให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับสีของดวงตานั้นที่พบได้โดยมาก จะเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว
ลำตัว - มีความยาวปานกลาง สามารถโค้งงอได้อย่างเป็นสัดส่วน ดูสวยงามเป็นสง่า มีการเจริญของกล้ามเนื้อดี สามารถเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก และที่สำคัญที่สุด คือ มีความสมดุลย์ของร่างกาย มีกระดูกที่แข็งแรงและสามารถยืนด้วยปลายเท้าได้อย่างมั่นคง
หาง - ค่อนข้างที่จะยางเรียว และค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปเรื่อย ๆ จากบริเวณโคนหางถึงปลายหาง
ขน - มีลักษณะที่นุ่ม เรียบลื่นและเป็นมันเงา
ขาและเท้า - มีลักษณะของขาภายนอกที่ยาวเรียวได้สัดส่วน มีส่วนของกระดูกขาเจริญและแข็งแรงดี อุ้งเท้ามีขนาดเล็ก กลมรีเป็นรูปไข่ และอัดตัวกันแน่น
นิ้วเท้า - ที่บริเวณขาหน้ามี 5 นิ้ว และบริเวณขาหลังมี 4 นิ้ว
ลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ของสายพันธุ์
ลักษณะของขนที่เป็นวงสีขาว หรือจุดสีขาวบริเวณส่วนใด ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณโพรงจมูก, คาง, บริเวณส่วนขนของคอ หรือบริเวณหาง, ขนสีดำบริเวณคอ, ผิวหนังสีเทา เป็นต้น ใน Abyssinian พันธุ์ที่มีขนสีแดง แต่กลับมีขนเป็นสีดำ ก็ถือเป็นลักษณะด้อยผิดปกติ หรือลักษณะของนิ้วเท้าที่มีจำนวนผิดปกติผิดไปจากเดิม ก็ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่เหมาะสมของสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน
ลักษณะนิสัย
ลักษณะนิสัยที่สำคัญของ Abyssinian นี้คงไม่เหมาะแน่สำหรับบุคคลที่ต้องการจะได้แมวเพื่อมาเลี้ยงเป็นแมวสวยงาม หรือเลี้ยงไว้เพียงเพื่อมาไว้นั่งอยู่แต่บนตักเพียงอย่างเดียว เพราะลักษณะนิสัยที่สำคัญของแมวพันธุ์นี้ คือ ความกล้าหาญ, ความทะนงองอาจ, ความอยากรู้อยากเห็น ไม่หยุดนิ่งอยู่เฉย ๆ เป็นแมวที่ชอบการผจญภัย ชอบโดดขึ้นไปอยู่บนที่สูง ๆ ยกตัวอย่างเช่น บนตู้เย็น หรือบนชั้นวางหนังสือ ชอบไปมีปฏิสัมพันธ์เที่ยวเล่นกับแมวตัวอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งคำว่า Abys นี้ก็เป็นคำที่มีความหมายอยู่ในตัวอยู่แล้ว คือ ความกระตือรือร้น หรือถ้าบุคคลใดต้องการแมวที่สามารถที่จะสร้างเสียงหัวเราะให้ได้ Abyssinian ก็จัดได้ว่าเป็นพันธุ์แมวพันธุ์หนึ่งที่ไม่เป็นรองพันธุ์อื่น ๆ เช่นกัน เพราะท่าทางที่น่ารักชอบผู้คน และฉลาดหลักแหลมของมัน เป็นสิ่งที่ทำให้คนรักแมวต้องชื่นชอบมันอย่างแน่นอน
สำหรับลักษณะนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Abyssinian ก็คือ ความซื่อสัตย์, รักเจ้าของ, เชื่อฟังคำพูดของเจ้าของ และมีความน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้แต่ละวันในชีวิต เป็นวันที่มีแต่ความสุข เพราะเจ้า Abyssinian นี้จะเข้าไปนั่งอยู่ในจิตใจคุณ คอยแบ่งปันความทุกข์เมื่อยามที่คุณทุกข์ หรือร่วมมีความสุขเมื่อยามที่คุณสุข เป็นเพื่อนร่วมทานอาหารเย็นกับคุณ และคอยติดตามคุณไปทุกหนทุกแห่ง เป็นเพื่อนที่คอยอยู่ใกล้คุณอยู่เสมอ
ลักษณะการดูแล
ขนของ Abyssinian นี้เป็นขนที่ง่ายต่อการดูแลรักษา สำหรับวิธีในการดูแลนั้นก็ง่ายมาก เพียงแค่การแปรงขนให้มันเพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อขจัดขนที่ผลัดออกมา และคอยหมั่นตัดเล็บเท้าให้มันทุก ๆ 3-4 สัปดาห์ต่อครั้ง ก็จะช่วยทำให้เจ้า Abyssinian ที่แสนสวยและน่ารักของคุณนี้ ยังคงความน่ารักน่าเอ็นดูตลอดไป
การดูแลรักษาสุขภาพ
ตามปกติ Abyssinian จะเป็นพันธุ์แมวที่ค่อนข้างจะแข็งแรง มีสุขภาพดี เป็นแมวที่มีกิจกรรมทำตลอดเวลา เป็นแมวที่ค่อนข้างจะมีอายุยืน บางตัวสามารถมีอายุอยู่ได้ถึง 20 ปีก็มี อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่า มันเป็นแมวที่คอยหากิจกรรมทำตลอดเวลาไม่ยอมหยุดนิ่ง จึงควรที่จะคอยดูแลหรือเอาใจใส่มัน ให้เล่นหรือทำกิจกรรม อยู่ในเขตหรือขอบข่ายที่เราสามารถจะควบคุมได้ ซึ่งสิ่งนี้ยังมีผลดีต่อตัวมันเองด้วย คือเป็นการป้องกันการติดเชื้อโรคจากภายนอกได้ นอกจากนี้การดูแลมันไม่ให้มันออกมานอกเขตการดูแลแล้ว ยังจะต้องคอยหมั่นตรวจโปรแกรมการฉีดวัคซีนตามกำหนดต่อสัตวแพทย์ด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวมัน
สำหรับโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับ Abyssinian นี้ก็เช่นเดียวกับโรคที่เกิดกับแมวตัวอื่น ๆ นั่นก็คือ โรคเหงือกอักเสบ (gingivitis) ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่ไม่รุนแรงมาก ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้บ้าง เราก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่มีผลต่อการเกิดโรคนี้ได้ สำหรับอาการของโรค เริ่มแรกจะเริ่มมีส่วนของเหงือกที่มีอาการบวมแดง และมีการหายใจหรือลักษณะของลมหายใจที่ผิดปกติ ปัจจัยที่สำคัญที่จะหลีกเลี่ยงหรือรักษาโรคเหงือกอักเสบนี้ได้คือ การควบคุมการกินอาหาร อีกทั้งควรจะหมั่นแปรงฟันให้มันตั้งแต่เล็ก ทุก ๆ สัปดาห์จนกระทั่งเป็นกิจวัตรประจำวัน และที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือควรที่จะพามันไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะตรวจสุขภาพฟัน แค่นี้โรคเหงือกอักเสบที่น่ากลัว ก็จะไม่มารบกวนเจ้า Abyssinian สุดที่รักของคุณอีกต่อไป
อีกโรคหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่าโรคเหงือกอักเสบ (gingivitis) ก็คือโรคความผิดปกติของไต ที่เรียกว่า Renal Amyloidosis เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม สามารถพบได้ในแมวพันธุ์ Abyssinian เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับแมวพันธุ์แท้ หรือแมวพันธุ์ผสมไม่ใช่เฉพาะกับ Abyssinian เท่านั้น แต่กับแมวพันธุ์อื่น หรือกับมนุษย์ก็สามารถที่จะเกิดอาการของโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อแมวที่ถูกใจสักตัวหนึ่ง ควรที่จะสังเกตให้ดีก่อนว่า แมวตัวนั้นมีอาการของโรคหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้เลี้ยงเอง
ชนิดสีขนของ Abyssinian
ตามมาตรฐานของการแบ่งสีขนในการประกวดของ CFA Breed Standard : Abyssinian
สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 สีด้วยกันคือ
RED (สีแดงเข้ม)
RUDDY (สีน้ำตาลแดง)
BLUE (สีเทาอมน้ำเงิน)
FAWN (สีส้มอมชมพู)
RED (สีแดงเข้ม)
ลักษณะของขนจะหนา เน้นเป็นสีแดงเรื่อ ๆ กล่าวคือ มีการไล่กระจายบริเวณของสีทำให้สีไม่เข้มมากเกินไปอยู่เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งเพียงจุดเดียว เส้นขนมีการสลับสีกันระหว่างสีช็อกโกแลตและสีน้ำตาล ส่วนปลายขนจะมีสีเข้มมากที่สุด ผิวหนังบริเวณลำตัวมีสีออกแดง ส่วนปลายหางมีสีน้ำตาลอมช็อกโกแลต มีส่วนสีที่บริเวณขาทั้งทางด้านนอกและด้านในที่กลมกลืนกับสีหลักของลำตัว หน้าอกและท้อง ส่วนที่บริเวณจมูกมีสีออกแดงอมชมพู ระหว่างนิ้วเท้ามีสีน้ำตาลอมช็อกโกแลตขั้นอยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
RUDDY (สีน้ำตาลแดง)
ลักษณะของเส้นขนจะมีการสลับสีกันระหว่างสีน้ำตาลกับสีดำเข้ม และที่บริเวณปลายสุดของเส้นขนนั้น จะมีสีเข้มมากที่สุด ส่วนผิวหนังบริเวณลำตัวจะมีสีน้ำตาลอมส้ม ปลายหางมีสีดำ ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง ส่วนบริเวณจมูกจะมีสีทึบมีสีออกน้ำตาลแดง ส่วนอุ้งเท้าจะมีสีดำหรือน้ำตาลก็ได้ และมีสีดำขั้นระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
BLUE (สีเทาอมน้ำเงิน)
ลักษณะของเส้นขน มีการสลับสีกันระหว่างสีเทาอมน้ำเงินด้วยกันเอง เพราะมีความเข้มอ่อนของสีที่ไม่เท่ากัน ส่วนปลายสุดของเส้นขนมีสีเข้มมากที่สุด ส่วนผิวหนังบริเวณลำตัวมีสีแดงอมชมพูกลมกลืนกับสีเทาอ่อน ส่วนปลายหางมีสีเทาอมน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของเส้นขนทั่วไป ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง ปลายจมูกมีสีชมพูเข้ม ส่วนสีที่อุ้งเท้ามีสีม่วงอมน้ำเงินและมีสีเทาอมน้ำเงินเข้ม อยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
FAWN (สีส้มอมชมพู)
ลักษณะของเส้นขน มีการสลับสีกันระหว่างสีน้ำตาลอ่อนกับสีโกโก้ และที่บริเวณปลายสุดของเส้นขนนั้น จะมีสีเข้มมากที่สุด ผิวหนังบริเวณลำตัวเป็นสีเทา ส่วนปลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนผสมกับสีโกโก้เช่นเดียวกับสีทั่วไปของร่างกาย ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง จมูกสีส้มอ่อน อุ้งเท้าสีชมพูและมีสีน้ำตาลอ่อนผสมกับสีโกโก้อยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว
http://www.tdl.com
http://www.breedlist.com
http://www.petplace.com
http://www.cfainc.org
พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์ (The American Bobtail)
น.ส.ปัญญวดี ศรีตุลา
สำหรับแมวพันธุ์นี้ มองในครั้งแรกคุณจะเห็นเหมือนเป็นบ็อบแคทธรรมดา แต่ถ้าหันมาเพ่งดูแล้วคุณก็จะเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งที่จะทำให้คุณหลงรักมันในทันที แค่ได้สบตากับมันคุณก็จะรู้สึกตะลึงกับความน่ารัก,ขนที่สะอาด ดูเป็นระเบียบ กระพริบตาให้ จนคุณอดไม่ได้ที่จะเข้าไปจับขนที่หนานุ่มและอุ้มมันขึ้นมาแต่ทันทีที่คุณเอื้อมมือไปมันจะยืนขึ้นและเหยียดตัวทำให้คุณได้เห็นร่างกายที่แข็งแรงและหางที่สั้นตามธรรมชาติของมัน แน่ใจได้เลยว่ามันมีความเป็นสัตว์ป่าอยู่ในตัว และเจ้าแมวตัวนี้มันจะค่อยๆเดินเข้ามาหาคุณเพื่อเรียกร้องความสนใจและเมื่อคุณอุ้มมันขึ้นมาก็จะต้องทึ่งในลักษณะท่าทางของมัน นอกจากนี้ ความฉลาดและความอ่อนโยนก็จะทำให้คุณรักมันมากที่สุด
รูปร่างและลักษณะนิสัย อเมริกัน บ็อบเทลล์ มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนใหญ่ เป็นสัตว์ที่มีความเป็นนักกีฬา มีกล้ามเนื้อและพละกำลังแข็งแรง ร่างกายยาวพอสมควรและมั่นคง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หางควรจะมองเห็นอย่างชัดเจนเหนือหลังเวลาที่มันตกใจและความยาวต้องไม่เกินหัวเข่า หางที่ดีจะต้องเกือบตรงมีส่วนโค้งเล็กน้อย แมวพันธุ์นี้มีหัวเป็นรูปลิ่มแข็งแรงได้ขนาดและมีคิ้วที่เด่นชัดอยู่เหนือดวงตาคู่ใหญ่รูปร่างคล้ายอัลมอนด์ทำให้มันมีความเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ การแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางก็แสดงให้เห็นถึงความฉลาดและตื่นตัว ที่ปลายหูของพันธุ์นี้ถือว่าเป็นจุดเด่น ขนที่มีลักษณะเฉพาะโดยมีขนสั้นความหนาปานกลางและขนยาวที่ความยาวพอเหมาะซึ่งมีความยืดหยุ่นและกันน้ำได้ ขนชั้นนอกจะหยาบส่วนขนด้านในจะคล้ายกับในกระต่ายซึ่งจะช่วยป้องกันตัวแมวจากสภาพอากาศได้ เมื่อมันเคลื่อนไหวจะแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติในการเดินรวมทั้งลักษณะทางกายภาพที่มีความคล้ายคลึงกับแมวป่า สัตว์พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีการเจริญเติบโตช้าโดยจะต้องอาศัยเวลา 2-3 ปีกว่าที่จะโตเต็มตัว ถึงแม้แมวพันธุ์นี้จะมีลักษณะของสัตว์ป่าแต่อุปนิสัยและการปรับตัวก็มีความแตกต่างกัน
อเมริกัน บ็อบเทลล์เป็นแมวที่ใจดี,น่ารักและฉลาดอย่างมาก มันมีลักษณะนิสัยคล้ายสุนัขและรักเจ้าของมาก มันสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่ยุ่งเหยิงหรือเงียบได้ ยีนของแมวพันธุ์นี้เป็นยีนเด่น ซึ่งจะต้องมีหางสั้นตามธรรมชาติเพื่อที่จะได้มีลูกแมวที่หางสั้นต่อไป ความยาวโดยเฉลี่ยของหางคือ1-4 นิ้ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงค่าเฉลี่ย โดยความเป็นจริงแล้วอาจจะสั้นหรือยาวกว่านี้ก็ได้
ประโยชน์ อเมริกัน บ็อบเทลล์จะผูกพันกับครอบครัว มันเข้าได้ดีกับสุนัขและสัตว์แปลกหน้าไม่ว่าจะมี4ขา หรือ 2ขา คนขับรถบรรทุกมักจะให้มันนั่งไปเป็นเพื่อนเพราะมันจะเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีถ้าฝึกตั้งแต่เด็กๆ นักบำบัดทางจิตวิทยายังใช้มันในโปรแกรมการรักษาด้วยเพราะมันมีพฤติกรรมที่ดีทั้งยังอ่อนโยนต่อผู้คนที่อยู่ในความทุกข์หรือเศร้าโศกเสียใจ นอกจากนี้มันเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของเด็กๆและไม่ว่า ถ้าจะถูกอุ้มไปรอบๆเหมือนกับถุงมันฝรั่ง มันมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อคนทุกวัยและเหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในครอบครัวเพื่อความเพลิดเพลินด้วยอากัปกิริยาที่น่ารักของมัน มันยังเป็นไหล่ที่อบอุ่นนุ่มนวลเวลาที่เราต้องการร้องไห้อีกด้วย
แมวพันธุ์นี้ชอบเล่นเกมส์ เช่น ให้วิ่งไปคาบ,เล่นซ่อนหา ได้เป็นชั่วโมงๆ มันจะเรียกร้องให้เราเล่นเกมส์กับมันและจะไม่หยุดจนกว่าเราจะเล่นด้วย โดยพื้นฐานแล้วมันจะเป็นแมวเงียบๆแต่อย่างไรก็ตามมันจะตื่นเต้นและส่งเสียงต่างๆเวลาดีใจ เราสามารถล่ามโซ่มันได้ง่ายและมันชอบที่จะออกไปเดินเล่น แมวพันธุ์นี้ชอบวัตถุที่ขึ้นเงา เป็นประกายเพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเก็บกล่องเครื่องเพชรให้ดีๆ
มันเป็นนักล่าที่เก่งกาจด้วยสัญชาตญาณในการเป็นนักล่าของมันซึ่งช่วยได้มากในบ้านเพราะมันจะช่วยจับแมลงที่บินได้ แมวพันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์ส่วนใหญ่สามารถเปิดประตูบ้านได้โดยยืนด้วยขาหลังและหมุนลูกบิดประตูด้วยอุ้งเท้า ลักษณะที่ดีของมันอีกอย่างก็คือขนของมันต้องการการแปรงน้อยมากหรือไม่ต้องการเลย การอาบน้ำหรือแปรงขนเป็นสิ่งที่จะทำเพื่อที่รักษาจะให้ขนของอเมริกัน บ็อบเทลล์ดูดีเยี่ยมเท่านั้น
พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์ มีมาเป็นเวลา 30ปีแล้ว แต่เพิ่งจะมามีชื่อเสียงเมื่อ 5ปีที่ผ่านมา มันเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่เพิ่งจะได้รับการยอมรับจากสมาคม Cat Fanciers’ เมื่อ เดือนกุมภาพันธุ์ปี2000 ว่าเป็นพันธุ์ที่รู้จักกันมานานแล้ว และมีสายพันธุ์อยู่ทั่วโลกซึ่งเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่น่าภูมิใจของอเมริกา ลักษณะที่เหมือนแมวป่าบวกกับลักษณะนิสัยที่เชื่อง ที่น่าพอใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เพาะพันธุ์ที่ได้ทุ่มเทเวลา,ความพยายามและกำลังกายเพื่อที่จะให้ได้พันธุ์ที่น่าทึ่งนี้ พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์จึงสามารถอ้างสิทธิ์ได้อย่างภาคภูมิใจว่าเกิดในอเมริกา
การกำหนดราคาของอเมริกัน บ็อบเทลล์ปกติจะขึ้นอยู่กับชนิด,ลักษณะที่เหมาะสมและสายเลือด ผู้เพาะพันธุ์ส่วนใหญ่จะเพาะพันธุ์ลูกแมวอายุระหว่าง 12-16 สัปดาห์ หลังจาก 12 สัปดาห์ ลูกแมวจะได้รับการเตรียมพร้อมและพัฒนาทางด้านกายภาพและสถานะทางสังคมซึ่งจำเป็นต่อการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมใหม่,การแสดงหรือการขนส่งทางอากาศ การเลี้ยงไว้ในบ้าน,การทำหมันและจำกัดพื้นที่ให้พอเหมาะ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพที่ดีและมีความสุขของแมวพันธุ์นี้
ข้อมูลทั่วไป : พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์มีขนาดตั้งแต่ขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถสังเกตความเป็นนักกีฬาของมันได้จากลักษณะของกล้ามเนื้อและพละกำลัง ร่างกายมีความยาวปานกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแข็งแรงและมีไหล่ยื่นออกมา หางสั้นและสามารถเห็นได้เหนือหลังเวลามันตกใจโดยจะไม่ยาวไปถึงหัวเข่า พันธุ์นี้มีหัวที่แข็งแรง กว้างปานกลางเป็นรูปลิ่มโดยมีคิ้วที่เด่นเฉพาะตัวอยู่เหนือดวงตาโตคล้ายรูปอัลมอนด์ การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางเป็นสิ่งที่แสดงถึงความฉลาดและความตื่นตัว โดยปกติตัวเมียจะมีสัดส่วนทีเล็กกว่าตัวผู้ ชนิดและลักษณะท่าทางจะมีความสำคัญมากกว่าขนาดตัว
อเมริกัน บ็อบเทลล์ มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับสัตว์ป่าแต่มีอุปนิสัยใจคอและลักษณะนิสัยที่แตกต่างออกไป
หัว :กว้างเป็นรูปลิ่มโดยไม่มีส่วนแบนหรือส่วนที่เป็นโดม ได้สัดส่วนกับลำตัว ส่วนของปากและจมูกยื่นออกมาอย่างพอเหมาะ โหนกแก้มเห็นได้ชัด มีหนวดวางอยู่บนแก้มที่อูม ส่วนโค้งระหว่างจมูกกับคิ้วบางและมีความยาวระหว่างคิ้วกับหูพอเหมาะ คิ้วสามารถเห็นได้ชัดบริเวณหน้าผากเป็นแนวเหนือตา ขอบของคิ้วจะอูมขึ้นรอบตา จมูกกว้าง ผิวหนังรอบจมูกจะใหญ่ คางแข็งแรงและกว้างได้แนวกับจมูกความกว้างของหัวและเหนียงที่คอจะเห็นได้ใจตัวผู้ที่โตเต็มที่แล้ว
ห ู:มีขนาดปานกลาง ฐานกว้างมีขอบรอบๆหูบางอยู่ด้านบนสุดและด้านข้างสุดของหัว ขอบของหูยิ่งสูงยิ่งดี มีรอยสีเป็นรูปนิ้วอยู่ด้านหลังของหูหรือมีลายหรือลักษณะคล้ายแมวป่าเป็นลักษณะที่ดี
ตา :ตามีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายเม็ดอัลมอนด์ วางตัวอยู่ลึก มุมด้านนอกบางขึ้นไปถึงหู ตาสองข้างห่างจากกันพอเหมาะ คิ้วที่อยู่เหนือตาแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ
รูปร่าง:ค่อนข้างยาว และแข็งแรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อกเต็มและกว้าง สะโพกบางใหญ่มีแผ่นไหล่ยื่นออกมาจากลำตัว สะโพกแข็งแรงและเกือบกว้างเท่าอก สีข้างหนา มีกล้ามเนื้อ มีลักษณะแบบนักกีฬา มีการเจริญเติบโตเต็มที่ช้า
ขาและเท้า :ได้ขนาดกับร่างกาย มีความยาวพอเหมาะและมีกระดูกที่แข็งแรง อุ้งเท้าใหญ่และกลม มีปอยขนยาวที่นิ้วเท้า ขาหน้ามี 5นิ้ว ขาหลังมี 4นิ้ว
คอ :มีความยาวปานกลางแต่อาจจะสั้นขึ้นกับลักษณะของกล้ามเนื้อ
หาง :หางสั้น อาจตรง,เป็นส่วนโค้งเล็กน้อยหรือบิดงอเล็กน้อยหรือมีรอยขรุขระไปตามความยาวของหาง หางอยู่ในแนวเดียวกับสะโพก มีฐานกว้าง แข็งแรงและทนต่อสัมผัส ไม่แข็งแต่ต้องยืดหยุ่นและไม่บิดจนไปทำลายธรรมชาติการเคลื่อนไหวของหาง หางที่ตรงจะได้รับการยอมรับกว่าหางที่งอ หางที่ตรงควรจะมีส่วนท้ายที่อูม
ความยาวของหาง :จะต้องยาวพอที่จะเห็นได้ชัดเหนือส่วนหลังเวลาแมวตกใจ แต่จะต้องไม่เลยไปถึงหัวเข่า
ขนสั้น :
ความยาว : ปานกลาง หนาพอสมควร
ความหยาบ : ไม่พันกัน ยืดหยุ่นได้ดี ตรงปลายจะบาง
ความหนา : มีขน2ชั้น ส่วนบนหนานุ่ม,ส่วนล่างอ่อนนุ่ม
ความหลากหลาย : ขนสามารถสังเกตความแตกต่างได้ตามฤดู ขนอาจจะนุ่มขึ้น ความหยาบ ละเอียดหรือสีจางลง ตีนขนอาจจะมีสีเทามีลาย
ขนยาว :
ความยาว : ยาวปานกลาง หยาบเล็กน้อย ขนจะยาวเรียวบางลงบริเวณรอบคอสัตว์,สะดือและหาง
ขนรอบคอ : บางนุ่ม
ความหยาบ : ไม่พันกัน ยืดหยุ่น
ความหนา : ขน 2 ชั้น ตีนขนไม่หนามาก
ความหลากหลาย : ขนสามารถเปลี่ยนไปได้ตามฤดูกาล อาจนุ่มขึ้น,หยาบละเอียด,สีจางลง ตีน ขนอาจมีสีเทา มีลาย
พัฒนาการ : มีการพัฒนาร่างกายให้โตเต็มวัยช้า โดยร่างกายของแมวพันธุ์นี้จะค่อยๆเติบโตจนเต็มที่ตอนอายุได้ 3 ปี
ข้อบกพร่อง : หางที่ยาวเกินไปหรือสั้นเกินไปมีผลต่อการทรงตัวและลักษณะภายนอกของแมว หางที่บิดงอหรือขมวดเป็นปม หางที่แข็งไม่ยืดหยุ่นหรือวางตัวอยู่ต่ำ หางตรงแต่ส่วนท้ายไม่อูม ตากลม คางอ่อนส่วนปากและจมูกยื่นออกมาน้อยเกินไป
ลักษณะที่ไม่ได้คุณภาพ : หางไม่ได้ขนาด ตาผิดรูป กระดูกเปราะ มีจำนวนนิ้วเท้าไม่ถูกต้อง
สีและรูปแบบ : ทุกสีและทุกรูปแบบยอมรับได้ ไม่ค่อยยอมรับลักษณะที่มีลาย ลักษณะที่คล้ายแมวป่าเป็นที่ต้องการ
สีตา : ทุกสีที่เป็นไปได้แต่ต้องไม่มีลักษณะที่แปลก ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างตากับสีขน
www.cat4love.com
สำหรับแมวพันธุ์นี้ มองในครั้งแรกคุณจะเห็นเหมือนเป็นบ็อบแคทธรรมดา แต่ถ้าหันมาเพ่งดูแล้วคุณก็จะเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งที่จะทำให้คุณหลงรักมันในทันที แค่ได้สบตากับมันคุณก็จะรู้สึกตะลึงกับความน่ารัก,ขนที่สะอาด ดูเป็นระเบียบ กระพริบตาให้ จนคุณอดไม่ได้ที่จะเข้าไปจับขนที่หนานุ่มและอุ้มมันขึ้นมาแต่ทันทีที่คุณเอื้อมมือไปมันจะยืนขึ้นและเหยียดตัวทำให้คุณได้เห็นร่างกายที่แข็งแรงและหางที่สั้นตามธรรมชาติของมัน แน่ใจได้เลยว่ามันมีความเป็นสัตว์ป่าอยู่ในตัว และเจ้าแมวตัวนี้มันจะค่อยๆเดินเข้ามาหาคุณเพื่อเรียกร้องความสนใจและเมื่อคุณอุ้มมันขึ้นมาก็จะต้องทึ่งในลักษณะท่าทางของมัน นอกจากนี้ ความฉลาดและความอ่อนโยนก็จะทำให้คุณรักมันมากที่สุด
รูปร่างและลักษณะนิสัย อเมริกัน บ็อบเทลล์ มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนใหญ่ เป็นสัตว์ที่มีความเป็นนักกีฬา มีกล้ามเนื้อและพละกำลังแข็งแรง ร่างกายยาวพอสมควรและมั่นคง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หางควรจะมองเห็นอย่างชัดเจนเหนือหลังเวลาที่มันตกใจและความยาวต้องไม่เกินหัวเข่า หางที่ดีจะต้องเกือบตรงมีส่วนโค้งเล็กน้อย แมวพันธุ์นี้มีหัวเป็นรูปลิ่มแข็งแรงได้ขนาดและมีคิ้วที่เด่นชัดอยู่เหนือดวงตาคู่ใหญ่รูปร่างคล้ายอัลมอนด์ทำให้มันมีความเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ การแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางก็แสดงให้เห็นถึงความฉลาดและตื่นตัว ที่ปลายหูของพันธุ์นี้ถือว่าเป็นจุดเด่น ขนที่มีลักษณะเฉพาะโดยมีขนสั้นความหนาปานกลางและขนยาวที่ความยาวพอเหมาะซึ่งมีความยืดหยุ่นและกันน้ำได้ ขนชั้นนอกจะหยาบส่วนขนด้านในจะคล้ายกับในกระต่ายซึ่งจะช่วยป้องกันตัวแมวจากสภาพอากาศได้ เมื่อมันเคลื่อนไหวจะแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติในการเดินรวมทั้งลักษณะทางกายภาพที่มีความคล้ายคลึงกับแมวป่า สัตว์พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีการเจริญเติบโตช้าโดยจะต้องอาศัยเวลา 2-3 ปีกว่าที่จะโตเต็มตัว ถึงแม้แมวพันธุ์นี้จะมีลักษณะของสัตว์ป่าแต่อุปนิสัยและการปรับตัวก็มีความแตกต่างกัน
อเมริกัน บ็อบเทลล์เป็นแมวที่ใจดี,น่ารักและฉลาดอย่างมาก มันมีลักษณะนิสัยคล้ายสุนัขและรักเจ้าของมาก มันสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่ยุ่งเหยิงหรือเงียบได้ ยีนของแมวพันธุ์นี้เป็นยีนเด่น ซึ่งจะต้องมีหางสั้นตามธรรมชาติเพื่อที่จะได้มีลูกแมวที่หางสั้นต่อไป ความยาวโดยเฉลี่ยของหางคือ1-4 นิ้ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงค่าเฉลี่ย โดยความเป็นจริงแล้วอาจจะสั้นหรือยาวกว่านี้ก็ได้
ประโยชน์ อเมริกัน บ็อบเทลล์จะผูกพันกับครอบครัว มันเข้าได้ดีกับสุนัขและสัตว์แปลกหน้าไม่ว่าจะมี4ขา หรือ 2ขา คนขับรถบรรทุกมักจะให้มันนั่งไปเป็นเพื่อนเพราะมันจะเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีถ้าฝึกตั้งแต่เด็กๆ นักบำบัดทางจิตวิทยายังใช้มันในโปรแกรมการรักษาด้วยเพราะมันมีพฤติกรรมที่ดีทั้งยังอ่อนโยนต่อผู้คนที่อยู่ในความทุกข์หรือเศร้าโศกเสียใจ นอกจากนี้มันเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของเด็กๆและไม่ว่า ถ้าจะถูกอุ้มไปรอบๆเหมือนกับถุงมันฝรั่ง มันมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อคนทุกวัยและเหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในครอบครัวเพื่อความเพลิดเพลินด้วยอากัปกิริยาที่น่ารักของมัน มันยังเป็นไหล่ที่อบอุ่นนุ่มนวลเวลาที่เราต้องการร้องไห้อีกด้วย
แมวพันธุ์นี้ชอบเล่นเกมส์ เช่น ให้วิ่งไปคาบ,เล่นซ่อนหา ได้เป็นชั่วโมงๆ มันจะเรียกร้องให้เราเล่นเกมส์กับมันและจะไม่หยุดจนกว่าเราจะเล่นด้วย โดยพื้นฐานแล้วมันจะเป็นแมวเงียบๆแต่อย่างไรก็ตามมันจะตื่นเต้นและส่งเสียงต่างๆเวลาดีใจ เราสามารถล่ามโซ่มันได้ง่ายและมันชอบที่จะออกไปเดินเล่น แมวพันธุ์นี้ชอบวัตถุที่ขึ้นเงา เป็นประกายเพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเก็บกล่องเครื่องเพชรให้ดีๆ
มันเป็นนักล่าที่เก่งกาจด้วยสัญชาตญาณในการเป็นนักล่าของมันซึ่งช่วยได้มากในบ้านเพราะมันจะช่วยจับแมลงที่บินได้ แมวพันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์ส่วนใหญ่สามารถเปิดประตูบ้านได้โดยยืนด้วยขาหลังและหมุนลูกบิดประตูด้วยอุ้งเท้า ลักษณะที่ดีของมันอีกอย่างก็คือขนของมันต้องการการแปรงน้อยมากหรือไม่ต้องการเลย การอาบน้ำหรือแปรงขนเป็นสิ่งที่จะทำเพื่อที่รักษาจะให้ขนของอเมริกัน บ็อบเทลล์ดูดีเยี่ยมเท่านั้น
พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์ มีมาเป็นเวลา 30ปีแล้ว แต่เพิ่งจะมามีชื่อเสียงเมื่อ 5ปีที่ผ่านมา มันเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่เพิ่งจะได้รับการยอมรับจากสมาคม Cat Fanciers’ เมื่อ เดือนกุมภาพันธุ์ปี2000 ว่าเป็นพันธุ์ที่รู้จักกันมานานแล้ว และมีสายพันธุ์อยู่ทั่วโลกซึ่งเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่น่าภูมิใจของอเมริกา ลักษณะที่เหมือนแมวป่าบวกกับลักษณะนิสัยที่เชื่อง ที่น่าพอใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เพาะพันธุ์ที่ได้ทุ่มเทเวลา,ความพยายามและกำลังกายเพื่อที่จะให้ได้พันธุ์ที่น่าทึ่งนี้ พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์จึงสามารถอ้างสิทธิ์ได้อย่างภาคภูมิใจว่าเกิดในอเมริกา
การกำหนดราคาของอเมริกัน บ็อบเทลล์ปกติจะขึ้นอยู่กับชนิด,ลักษณะที่เหมาะสมและสายเลือด ผู้เพาะพันธุ์ส่วนใหญ่จะเพาะพันธุ์ลูกแมวอายุระหว่าง 12-16 สัปดาห์ หลังจาก 12 สัปดาห์ ลูกแมวจะได้รับการเตรียมพร้อมและพัฒนาทางด้านกายภาพและสถานะทางสังคมซึ่งจำเป็นต่อการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมใหม่,การแสดงหรือการขนส่งทางอากาศ การเลี้ยงไว้ในบ้าน,การทำหมันและจำกัดพื้นที่ให้พอเหมาะ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพที่ดีและมีความสุขของแมวพันธุ์นี้
ข้อมูลทั่วไป : พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทลล์มีขนาดตั้งแต่ขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถสังเกตความเป็นนักกีฬาของมันได้จากลักษณะของกล้ามเนื้อและพละกำลัง ร่างกายมีความยาวปานกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแข็งแรงและมีไหล่ยื่นออกมา หางสั้นและสามารถเห็นได้เหนือหลังเวลามันตกใจโดยจะไม่ยาวไปถึงหัวเข่า พันธุ์นี้มีหัวที่แข็งแรง กว้างปานกลางเป็นรูปลิ่มโดยมีคิ้วที่เด่นเฉพาะตัวอยู่เหนือดวงตาโตคล้ายรูปอัลมอนด์ การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางเป็นสิ่งที่แสดงถึงความฉลาดและความตื่นตัว โดยปกติตัวเมียจะมีสัดส่วนทีเล็กกว่าตัวผู้ ชนิดและลักษณะท่าทางจะมีความสำคัญมากกว่าขนาดตัว
อเมริกัน บ็อบเทลล์ มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับสัตว์ป่าแต่มีอุปนิสัยใจคอและลักษณะนิสัยที่แตกต่างออกไป
หัว :กว้างเป็นรูปลิ่มโดยไม่มีส่วนแบนหรือส่วนที่เป็นโดม ได้สัดส่วนกับลำตัว ส่วนของปากและจมูกยื่นออกมาอย่างพอเหมาะ โหนกแก้มเห็นได้ชัด มีหนวดวางอยู่บนแก้มที่อูม ส่วนโค้งระหว่างจมูกกับคิ้วบางและมีความยาวระหว่างคิ้วกับหูพอเหมาะ คิ้วสามารถเห็นได้ชัดบริเวณหน้าผากเป็นแนวเหนือตา ขอบของคิ้วจะอูมขึ้นรอบตา จมูกกว้าง ผิวหนังรอบจมูกจะใหญ่ คางแข็งแรงและกว้างได้แนวกับจมูกความกว้างของหัวและเหนียงที่คอจะเห็นได้ใจตัวผู้ที่โตเต็มที่แล้ว
ห ู:มีขนาดปานกลาง ฐานกว้างมีขอบรอบๆหูบางอยู่ด้านบนสุดและด้านข้างสุดของหัว ขอบของหูยิ่งสูงยิ่งดี มีรอยสีเป็นรูปนิ้วอยู่ด้านหลังของหูหรือมีลายหรือลักษณะคล้ายแมวป่าเป็นลักษณะที่ดี
ตา :ตามีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายเม็ดอัลมอนด์ วางตัวอยู่ลึก มุมด้านนอกบางขึ้นไปถึงหู ตาสองข้างห่างจากกันพอเหมาะ คิ้วที่อยู่เหนือตาแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ
รูปร่าง:ค่อนข้างยาว และแข็งแรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อกเต็มและกว้าง สะโพกบางใหญ่มีแผ่นไหล่ยื่นออกมาจากลำตัว สะโพกแข็งแรงและเกือบกว้างเท่าอก สีข้างหนา มีกล้ามเนื้อ มีลักษณะแบบนักกีฬา มีการเจริญเติบโตเต็มที่ช้า
ขาและเท้า :ได้ขนาดกับร่างกาย มีความยาวพอเหมาะและมีกระดูกที่แข็งแรง อุ้งเท้าใหญ่และกลม มีปอยขนยาวที่นิ้วเท้า ขาหน้ามี 5นิ้ว ขาหลังมี 4นิ้ว
คอ :มีความยาวปานกลางแต่อาจจะสั้นขึ้นกับลักษณะของกล้ามเนื้อ
หาง :หางสั้น อาจตรง,เป็นส่วนโค้งเล็กน้อยหรือบิดงอเล็กน้อยหรือมีรอยขรุขระไปตามความยาวของหาง หางอยู่ในแนวเดียวกับสะโพก มีฐานกว้าง แข็งแรงและทนต่อสัมผัส ไม่แข็งแต่ต้องยืดหยุ่นและไม่บิดจนไปทำลายธรรมชาติการเคลื่อนไหวของหาง หางที่ตรงจะได้รับการยอมรับกว่าหางที่งอ หางที่ตรงควรจะมีส่วนท้ายที่อูม
ความยาวของหาง :จะต้องยาวพอที่จะเห็นได้ชัดเหนือส่วนหลังเวลาแมวตกใจ แต่จะต้องไม่เลยไปถึงหัวเข่า
ขนสั้น :
ความยาว : ปานกลาง หนาพอสมควร
ความหยาบ : ไม่พันกัน ยืดหยุ่นได้ดี ตรงปลายจะบาง
ความหนา : มีขน2ชั้น ส่วนบนหนานุ่ม,ส่วนล่างอ่อนนุ่ม
ความหลากหลาย : ขนสามารถสังเกตความแตกต่างได้ตามฤดู ขนอาจจะนุ่มขึ้น ความหยาบ ละเอียดหรือสีจางลง ตีนขนอาจจะมีสีเทามีลาย
ขนยาว :
ความยาว : ยาวปานกลาง หยาบเล็กน้อย ขนจะยาวเรียวบางลงบริเวณรอบคอสัตว์,สะดือและหาง
ขนรอบคอ : บางนุ่ม
ความหยาบ : ไม่พันกัน ยืดหยุ่น
ความหนา : ขน 2 ชั้น ตีนขนไม่หนามาก
ความหลากหลาย : ขนสามารถเปลี่ยนไปได้ตามฤดูกาล อาจนุ่มขึ้น,หยาบละเอียด,สีจางลง ตีน ขนอาจมีสีเทา มีลาย
พัฒนาการ : มีการพัฒนาร่างกายให้โตเต็มวัยช้า โดยร่างกายของแมวพันธุ์นี้จะค่อยๆเติบโตจนเต็มที่ตอนอายุได้ 3 ปี
ข้อบกพร่อง : หางที่ยาวเกินไปหรือสั้นเกินไปมีผลต่อการทรงตัวและลักษณะภายนอกของแมว หางที่บิดงอหรือขมวดเป็นปม หางที่แข็งไม่ยืดหยุ่นหรือวางตัวอยู่ต่ำ หางตรงแต่ส่วนท้ายไม่อูม ตากลม คางอ่อนส่วนปากและจมูกยื่นออกมาน้อยเกินไป
ลักษณะที่ไม่ได้คุณภาพ : หางไม่ได้ขนาด ตาผิดรูป กระดูกเปราะ มีจำนวนนิ้วเท้าไม่ถูกต้อง
สีและรูปแบบ : ทุกสีและทุกรูปแบบยอมรับได้ ไม่ค่อยยอมรับลักษณะที่มีลาย ลักษณะที่คล้ายแมวป่าเป็นที่ต้องการ
สีตา : ทุกสีที่เป็นไปได้แต่ต้องไม่มีลักษณะที่แปลก ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างตากับสีขน
www.cat4love.com
แมวพันธุ์ American Curl
น.ส.จิราวรรณ สายะวารานนท์
ถิ่นกำเนิดของ American Curl
ในเดือน มิถุนายน ปี ค.ศ.1981 ในวัฒนธรรมแห่งสหรัฐอเมริกาสมัยใหม่ แมวพันธุ์ American Curl ถูกค้นพบใน ชุมชน California ของ Lakewood ของผู้อาศัยอยู่ที่ชื่อ Joe และ Grace Ruga (Curlniques Cattery) Joe กลับจากทำงานตอนเย็นนั้นและพบลูกแมว 2 ตัวอายุ 6 เดือนภายนอกบ้านของเขา จึงรับมาเลี้ยงดู พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าพวกมันมีหูที่เป็นวงนั้นจากหลังถึงหัว ดูแล้วเป็นที่น่าขัน ลูกแมวตัวที่เป็นพี่ มีสีดำกับขนยาวและอีกตัวหนึ่ง มีขนสีดำ และสีขาวและขนกึ่งยาว ทั้ง สองมีขนนุ่มเป็นมันเรียบคล้ายไหม ลูกแมวทั้งสองถูกตั้งชื่อว่าShulamith และ Panda
ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1981 หลังการตกลูกครอกแรกของ Shulamith พวกเขาจึงได้มองเห็นถึงการมีใบหูที่มีลักษณะที่พิเศษไม่เหมือนใครของมัน แสดงถึงการค้นพบพันธุ์ใหม่ของแมว พวกเขาเริ่มต้นการวิจัยและการทดสอบเพาะพันธุ์โดยทันที ซึ่งนำมาสู่ การยอมรับและได้รับการจดทะเบียนเป็นแมวพันธุ์ใหม่ของโลกในปี ค.ศ.1986 ซึ่งแมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นแมวที่สามารถแบ่งพันธุ์ได้ทั้งสองชนิดคือมีทั้งแบบ Shorthair และ longhair
ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะพิเศษของ American Curl ที่ดึงดูดใจก็คือ หู เป็นวงหูอย่างมีอันเดียวเป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนแมวพันธุ์อื่น American Curl ที่เป็นพันธุ์ดั้งเดิม ตัวเมียที่เป็นชนิด longhaired ที่เรียกว่า Shulamith แรกบันทึกในCalifornia ทางใต้ในปี 1981 การเพาะพันธุ์แบบเลือกได้เริ่มต้นในปี 1983ทำให้มีหู เป็นวงอย่างสม่ำเสมอดี มีกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์เหมาะสม, เรียวมากกว่าที่เป็นก้อนใหญ่โต ตัวเมียหนัก 5 ถึง 8 ปอนด์ ตัวผู้หนัก 7 ถึง 10 ปอนด์ , สัดส่วนเหมาะสมและสมดุลสำคัญกว่าขนาด ตัวผู้จะมีลักษณะสวยงามและสง่างามกว่าตัวเมีย
ศีรษะ
รูปร่าง: เป็นรูปลิ่มไม่แบนราบ อย่างพอประมาณยาวกว่ากว้าง ระนาบราบรื่น โครงร่าง: จมูกมี ความยาวและตรงพอประมาณ และนูนล็กน้อยขี้นจากด้านล่างของตาถึงหน้าผาก เส้นโค้งที่ได้รูปไปถึงด้านบนสุดของหัว ไปจนถึงใต้ลำคอ
ขนาด: ปานกลางในสัดส่วนเมื่อเทียบกับร่างกาย
คาง: แน่น แข็ง,แนวเดียวกับจมูกและริมฝีปากล่าง
ใบหู
องศา: น้อยที่สุด 90 ส่วนโค้งองศาเป็นวง ไม่เกิน 180 องศา แน่นด้วย cartilage จากพื้นฐานหูถึงอย่างน้อย 1/3 ของความสูง
รูปร่าง: กว้างที่ฐานและเปิด, เส้นโค้งหลังในส่วนโค้งราบเรียบเมื่อดูจากด้านหน้าและด้านหลัง
ขนาด: ใหญ่อย่างพอประมาณ
ที่ตั้ง: ตั้งตรงอยู่บริเวณส่วนบนแต่ละด้านของหัวอย่างเท่าๆกัน
หมายเหตุ: เมื่อหูมีการตื่นตัวเกิดขึ้น หูจะเหยียดชี้ตรงไปด้านหน้า, เส้นตามความโค้งของหูจะชี้ไปยังศูนย์กลางฐานของกระโหลกศีรษะ(เส้นโค้งที่ลากผ่านตามความโค้งของหูผ่านปลายสุดของหูเลย 90 และสูงถึง180 องศา อาจจะ intersect ที่จุดไกลกว่าขึ้นบนกระโหลกศีรษะ แต่ไม่เลยจุดสูงสุดของกระโหลกศีรษะ)
ร่างกาย ดวงตาใหญ่ กลมรีเหมือนเมล็ดอัลมอน สี Hazel เขียว หรือเหลือง เท่านั้น มีเส้นสีดำ
รูปร่างลำตัว กึ่งต่างประเทศ เป็นสี่เหลียมผืนผ้า, ความยาว 1 และ 1 ใน 2 ความสูงที่บ่า, ความลึกกลางของหน้าอกและสีข้าง
ขนาด ปานกลาง, แต่ตัวผู้มักขนาดใหญ่กว่า
ลักษณะกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงพอประมาณและน้ำเสียงมีการ เปลี่ยนแปลง
หาง งอได้, กว้างที่ฐาน,เรียวเท่าตลอดความยาวร่างกาย
ขา ความยาวปานกลางในสัดส่วนเพื่อร่างกายตั้งโดยตรงเมื่อดูจากด้านหน้าหรือด้านหลัง ขนาดกระดูกปานกลางไม่ใหญ่และหนัก
คอ ปานกลาง
เท้า ปานกลาง
ลักษณะขนของ American Curl
Longhair
การทอของขน: นุ่มปานกลางเป็นมันคล้ายไหมปกคลุมทั่วร่างกาย
ความยาวขน: กึ่งยาว
ขนหาง: เต็มและแต่งคล้ายขนนก
Shorthair
การทอขอขน: อ่อนนุ่มเป็นมันคล้ายไหมปกคลุมทั่วร่างกาย ยืดหยุ่นได้โดยไม่รู้สึกทึบ หนาเกินไป
ความยาวขน: สั้น
ขนหาง: ความยาวเท่ากับความยาวขนที่ปกคลุมร่างกาย
สีของ American Curl
สีขาว: สีขาวประกายบริสุทธิ์ ปลายจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู
สีดำ: สีดำถ่านหินทึบจากรากถึงปลายสุดของขน บริเวณหนังจมูกสีดำ ส่วนอุ้งเท้าเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล
สีน้ำเงิน: สีน้ำเงิน , น้ำเงินสว่าง ระดับจากจมูกถึงปลายของหาง สีทึบได้รับการยอมรับกว่าสีสว่าง บริเวณหนังจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีน้ำเงิน
สีแดง: ลึก, ฉูดฉาด, สดใส, ประกายสีแดงสว่างไสว ปราศจากเงามืดหรือสีอื่นเจือปน ริมฝีปากและคางสีเดียวกับขน บริเวณจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีอิฐสีแดง
สีครีม: สีเงาหนึ่งระดับของครีมสีเหลืองอ่อน โดยปราศจากตำหนิ บริเวณหนังจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู
สีช็อคโกแลต: สีน้ำตาลช็อคโกแลตอุ่น จากรากถึงปลายของขน บริเวณหนังจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีน้ำตาล
สี LILAC: สีทึบ ปกคลุมด้วยสี lavender โทนสีชมพู หนังจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู
CHINCHILLA สีเงิน: ผิวหนังใต้ขนบริสุทธิ์สีขาว ขนบนหลัง, สีข้าง, หัว, และหาง บริเวณปลายขนเป็นสีดำปรากฏเงินที่เป็นประกาย ขาอาจเป็นเงาเพียงเล็กน้อยบริเวณปลายขน ส่วนของคาง, หู , ท้อง, และหน้าอกมีสีขาว บริเวณขอบของตา, ริมฝีปาก, และจมูกเป็นสีดำ ส่วนหนังจมูกมีอิฐสีแดง และบริเวณอุ้งเท้าเป็นสีดำ
CHINCHILLA สีทอง: ผิวหนังใต้ขนเป็นสี ครีมอุ่น ขนบนหลัง, สีข้าง, หัว, และหาง บริเวณปลายขนเป็นสีดำให้การปรากฏสีเป็นสีทอง ขาอาจมีเงาเพียงเล็กน้อยบริเวณปลายขน ส่วนของคาง, หู , ท้อง, และหน้าอกมีสีครีม บริเวณขอบของตา, ริมฝีปาก, และจมูกเป็นดำ ส่วนหนังจมูกมีสีดอกกุหลาบเข้ม และบริเวณอุ้งเท้าอุ้งเท้าเป็นสีดำ
ถิ่นกำเนิดของ American Curl
ในเดือน มิถุนายน ปี ค.ศ.1981 ในวัฒนธรรมแห่งสหรัฐอเมริกาสมัยใหม่ แมวพันธุ์ American Curl ถูกค้นพบใน ชุมชน California ของ Lakewood ของผู้อาศัยอยู่ที่ชื่อ Joe และ Grace Ruga (Curlniques Cattery) Joe กลับจากทำงานตอนเย็นนั้นและพบลูกแมว 2 ตัวอายุ 6 เดือนภายนอกบ้านของเขา จึงรับมาเลี้ยงดู พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าพวกมันมีหูที่เป็นวงนั้นจากหลังถึงหัว ดูแล้วเป็นที่น่าขัน ลูกแมวตัวที่เป็นพี่ มีสีดำกับขนยาวและอีกตัวหนึ่ง มีขนสีดำ และสีขาวและขนกึ่งยาว ทั้ง สองมีขนนุ่มเป็นมันเรียบคล้ายไหม ลูกแมวทั้งสองถูกตั้งชื่อว่าShulamith และ Panda
ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1981 หลังการตกลูกครอกแรกของ Shulamith พวกเขาจึงได้มองเห็นถึงการมีใบหูที่มีลักษณะที่พิเศษไม่เหมือนใครของมัน แสดงถึงการค้นพบพันธุ์ใหม่ของแมว พวกเขาเริ่มต้นการวิจัยและการทดสอบเพาะพันธุ์โดยทันที ซึ่งนำมาสู่ การยอมรับและได้รับการจดทะเบียนเป็นแมวพันธุ์ใหม่ของโลกในปี ค.ศ.1986 ซึ่งแมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นแมวที่สามารถแบ่งพันธุ์ได้ทั้งสองชนิดคือมีทั้งแบบ Shorthair และ longhair
ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะพิเศษของ American Curl ที่ดึงดูดใจก็คือ หู เป็นวงหูอย่างมีอันเดียวเป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนแมวพันธุ์อื่น American Curl ที่เป็นพันธุ์ดั้งเดิม ตัวเมียที่เป็นชนิด longhaired ที่เรียกว่า Shulamith แรกบันทึกในCalifornia ทางใต้ในปี 1981 การเพาะพันธุ์แบบเลือกได้เริ่มต้นในปี 1983ทำให้มีหู เป็นวงอย่างสม่ำเสมอดี มีกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์เหมาะสม, เรียวมากกว่าที่เป็นก้อนใหญ่โต ตัวเมียหนัก 5 ถึง 8 ปอนด์ ตัวผู้หนัก 7 ถึง 10 ปอนด์ , สัดส่วนเหมาะสมและสมดุลสำคัญกว่าขนาด ตัวผู้จะมีลักษณะสวยงามและสง่างามกว่าตัวเมีย
ศีรษะ
รูปร่าง: เป็นรูปลิ่มไม่แบนราบ อย่างพอประมาณยาวกว่ากว้าง ระนาบราบรื่น โครงร่าง: จมูกมี ความยาวและตรงพอประมาณ และนูนล็กน้อยขี้นจากด้านล่างของตาถึงหน้าผาก เส้นโค้งที่ได้รูปไปถึงด้านบนสุดของหัว ไปจนถึงใต้ลำคอ
ขนาด: ปานกลางในสัดส่วนเมื่อเทียบกับร่างกาย
คาง: แน่น แข็ง,แนวเดียวกับจมูกและริมฝีปากล่าง
ใบหู
องศา: น้อยที่สุด 90 ส่วนโค้งองศาเป็นวง ไม่เกิน 180 องศา แน่นด้วย cartilage จากพื้นฐานหูถึงอย่างน้อย 1/3 ของความสูง
รูปร่าง: กว้างที่ฐานและเปิด, เส้นโค้งหลังในส่วนโค้งราบเรียบเมื่อดูจากด้านหน้าและด้านหลัง
ขนาด: ใหญ่อย่างพอประมาณ
ที่ตั้ง: ตั้งตรงอยู่บริเวณส่วนบนแต่ละด้านของหัวอย่างเท่าๆกัน
หมายเหตุ: เมื่อหูมีการตื่นตัวเกิดขึ้น หูจะเหยียดชี้ตรงไปด้านหน้า, เส้นตามความโค้งของหูจะชี้ไปยังศูนย์กลางฐานของกระโหลกศีรษะ(เส้นโค้งที่ลากผ่านตามความโค้งของหูผ่านปลายสุดของหูเลย 90 และสูงถึง180 องศา อาจจะ intersect ที่จุดไกลกว่าขึ้นบนกระโหลกศีรษะ แต่ไม่เลยจุดสูงสุดของกระโหลกศีรษะ)
ร่างกาย ดวงตาใหญ่ กลมรีเหมือนเมล็ดอัลมอน สี Hazel เขียว หรือเหลือง เท่านั้น มีเส้นสีดำ
รูปร่างลำตัว กึ่งต่างประเทศ เป็นสี่เหลียมผืนผ้า, ความยาว 1 และ 1 ใน 2 ความสูงที่บ่า, ความลึกกลางของหน้าอกและสีข้าง
ขนาด ปานกลาง, แต่ตัวผู้มักขนาดใหญ่กว่า
ลักษณะกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงพอประมาณและน้ำเสียงมีการ เปลี่ยนแปลง
หาง งอได้, กว้างที่ฐาน,เรียวเท่าตลอดความยาวร่างกาย
ขา ความยาวปานกลางในสัดส่วนเพื่อร่างกายตั้งโดยตรงเมื่อดูจากด้านหน้าหรือด้านหลัง ขนาดกระดูกปานกลางไม่ใหญ่และหนัก
คอ ปานกลาง
เท้า ปานกลาง
ลักษณะขนของ American Curl
Longhair
การทอของขน: นุ่มปานกลางเป็นมันคล้ายไหมปกคลุมทั่วร่างกาย
ความยาวขน: กึ่งยาว
ขนหาง: เต็มและแต่งคล้ายขนนก
Shorthair
การทอขอขน: อ่อนนุ่มเป็นมันคล้ายไหมปกคลุมทั่วร่างกาย ยืดหยุ่นได้โดยไม่รู้สึกทึบ หนาเกินไป
ความยาวขน: สั้น
ขนหาง: ความยาวเท่ากับความยาวขนที่ปกคลุมร่างกาย
สีของ American Curl
สีขาว: สีขาวประกายบริสุทธิ์ ปลายจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู
สีดำ: สีดำถ่านหินทึบจากรากถึงปลายสุดของขน บริเวณหนังจมูกสีดำ ส่วนอุ้งเท้าเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล
สีน้ำเงิน: สีน้ำเงิน , น้ำเงินสว่าง ระดับจากจมูกถึงปลายของหาง สีทึบได้รับการยอมรับกว่าสีสว่าง บริเวณหนังจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีน้ำเงิน
สีแดง: ลึก, ฉูดฉาด, สดใส, ประกายสีแดงสว่างไสว ปราศจากเงามืดหรือสีอื่นเจือปน ริมฝีปากและคางสีเดียวกับขน บริเวณจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีอิฐสีแดง
สีครีม: สีเงาหนึ่งระดับของครีมสีเหลืองอ่อน โดยปราศจากตำหนิ บริเวณหนังจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู
สีช็อคโกแลต: สีน้ำตาลช็อคโกแลตอุ่น จากรากถึงปลายของขน บริเวณหนังจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีน้ำตาล
สี LILAC: สีทึบ ปกคลุมด้วยสี lavender โทนสีชมพู หนังจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู
CHINCHILLA สีเงิน: ผิวหนังใต้ขนบริสุทธิ์สีขาว ขนบนหลัง, สีข้าง, หัว, และหาง บริเวณปลายขนเป็นสีดำปรากฏเงินที่เป็นประกาย ขาอาจเป็นเงาเพียงเล็กน้อยบริเวณปลายขน ส่วนของคาง, หู , ท้อง, และหน้าอกมีสีขาว บริเวณขอบของตา, ริมฝีปาก, และจมูกเป็นสีดำ ส่วนหนังจมูกมีอิฐสีแดง และบริเวณอุ้งเท้าเป็นสีดำ
CHINCHILLA สีทอง: ผิวหนังใต้ขนเป็นสี ครีมอุ่น ขนบนหลัง, สีข้าง, หัว, และหาง บริเวณปลายขนเป็นสีดำให้การปรากฏสีเป็นสีทอง ขาอาจมีเงาเพียงเล็กน้อยบริเวณปลายขน ส่วนของคาง, หู , ท้อง, และหน้าอกมีสีครีม บริเวณขอบของตา, ริมฝีปาก, และจมูกเป็นดำ ส่วนหนังจมูกมีสีดอกกุหลาบเข้ม และบริเวณอุ้งเท้าอุ้งเท้าเป็นสีดำ
พันธุ์อเมริกัน ไวร์แฮร์ (The American Wirehair)
นางสาว ศศิภา แก้วประเสริฐ
แมวพันธุ์ American Wirehair เป็นลักษณะเด่นของแมวพันธุ์ American เป็นการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ เกิดขึ้นในฟาร์มแห่งหนึ่ง เหนือรัฐ New York ในปี ค.ศ. 1966 การกลายพันธุ์โดยธรรมชาตินี้เป็นสิ่งที่ผิดปกติ แต่ก็สามารถพบได้โดยทั่วไป มันเกิดขึ้นในอดีต จากการที่แมว 2 ตัวผสมพันธุ์แล้วได้ลูกที่มีลักษณะไม่เหมือน พ่อ- แม่ ตอนนี้ลูกหลานของมันก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว USA แล้ว สิ่งที่น่าสนใจและไม่ธรรมดาเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ที่แปลกพิเศษนี้ คือ มันไม่ได้ถูกรายงานไปในประเทศอื่น
ขน คือ ลักษณะที่แยกสายพันธุ์ American Wirehair ออกจากสายพันธุ์อื่น แต่ว่ามันก็มีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกับแมว Persians หรือ Exotics มันถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Wirehair ถึงแม้ว่าจะเป็นลักษณะที่เด่น แต่ก็มีประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่เป็นแบบ Wirehair ตั้งแต่เกิด ลักษณะที่ดีและเห็นได้ชัดเจนของแมวพันธุ์ American Wirehair คือ การที่มีหนวดเป็นแบบขดลวด ขนทั้งหมดจะแข็ง หยาบ เหมือนลวดตั้งแต่เกิด ถ้าขนที่ปรากฏมีลักษณะเป็นลอน มันจะยาวและมีลักษณะเป็นคลื่น หรือเป็นเส้นตรงเมื่อแก่ตัวไป การม้วนของขนจะเกิดขึ้นในช่วงแรกๆของชีวิต ระดับของความหยาบกระด้างของขน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างขนของ พ่อ-แม่ เพื่อที่จะให้ลูกออกมามีขนที่ดีที่สุด ทั้งพ่อ และแม่ต้องมีลักษณะขนที่แข็ง
ตั้งแต่แรกที่การกลายพันธุ์ชนิดนี้ได้เกิดขึ้นมาในพวกแมวพันธุ์ American มันก็มีลักษณะทั่วไปเหมือนกับแมวพันธุ์ American Shorthair อย่างไรก็ตามแมวพันธุ์ American Wirehair ก็ยังมีลักษณะเฉพาะของมันก็คือ ตอนแรกเกิด ขนที่ปกคลุมมันจะมีลักษณะสั้น คล้ายลวด ซึ่งยากต่อการดูแลรักษา นอกจากนี้ นักปรับปรุงพันธุ์ยังรู้สึกว่ามันมีบางลักษณะที่ควรรักษาไว้และบางลักษณะที่สมควรมีการพัฒนาต่อไป แมวพันธุ์ American Wirehair ได้ถูกยอมรับเป็นครั้งแรกในองค์การ CFA ในปี 1967 และยอมให้เข้าร่วมการแข่งขันในปี 1978 นักปรับปรุงพันธุ์พบว่าแมวพันธุ์ American Wirehair ง่ายต่อการเลี้ยง ไม่ค่อยเป็นโรคและมีลูกง่าย คนที่เลี้ยงจะชอบที่มันเป็นแมวทีรักสงบ
ราคาของแมวพันธุ์ American Wirehair ขึ้นอยู่กับชนิด จุดแต้มที่แปลกออกไป และสายพันธุ์ว่ามาจากพ่อ-แม่ที่ดีหรือไม่ โดยกำหนดไว้โดยสถาบันต่างๆ ดังนี้ Grand Champion (GC), National or Regional winning parentage (NW or RW) or of Distinguished Merit parentage (DM) สถาบัน DM ประสบความสำเร็จในการผลิตแม่พันธุ์ที่เป็นแม่พันธุ์ที่ดีที่สามารถผลิตลูกหลานได้รับรางวัล CFA ถึง 5 สมัย หรือพ่อพันธุ์ที่ดีที่สามารถผลิตลูกหลานได้รับรางวัล CFA ถึง 15 สมัย โดยปกติแล้วนักปรับปรุงพันธุ์จะอนุญาตให้ลูกแมวเข้าประกวดได้เมื่ออายุ 12 –16 สัปดาห์ หลังจากอายุ 12 สัปดาห์ ลูกแมวจะได้รับการฉีดวัคซีนพื้นฐาน การพัฒนาทางด้านกายภาพและการเข้าสังคม เพื่อเตรียมตัวไปสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ สามารถนำไปออกแสดงได้หรือสามารถเดินทางทางอากาศได้ การที่จะเลี้ยงแมวพันธุ์ American Wirehair นี้ควรจะเก็บที่มีค่าไว้ให้เรียบร้อย ทำหมัน และระวังนิสัยที่ชอบขีดข่วนของมันตามธรรมชาติด้วย ( CFA ไม่เห็นด้วยที่จะตัดเล็บมันออกไป ) ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่จำเป็นที่จะทำให้มันมีสุขภาพดี มีชีวิตยืนยาว และมีความสุข
ลักษณะทั่วไป : แมวพันธุ์ American Wirehair นี้เป็นลักษณะที่กลายพันธุ์ไปเองตามธรรมชาติ เป็นแมวที่มีขนาดตัวปานกลางจนถึงขนาดใหญ่ ขนไม่เพียงแต่จะยืดหยุ่นและหนาทึบเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะที่หยาบเหมือนเส้นลวด และแข็งอีกด้วย ซึ่งลักษณะนี้เป็นลักษณะที่ทำให้แมวพันธุ์ American Wirehair แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่นๆ ลักษณะนิสัย : แมวพันธุ์ American Wirehair เป็นแมวที่มีชีวิตชีวา มีความว่องไว ความปราดเปรียวและกระตือรือร้นในสิ่งรอบข้างตลอดเวลา
หัว : มีขนาดเหมาะสมกับลำตัว โครงสร้างเป็นลักษณะค่อนข้างกลมที่จะมีกระดูกแก้มยื่นออกมาอย่างชัดเจน มีส่วนที่ยื่นออกมาจากใบหน้า ( ปาก ) และคางที่มีการพัฒนาที่ดี
จมูก : ในประวัติของแมวพันธุ์นี้ จมูกไม่หัก แต่ช่วงต่อระหว่างจมูกกับหน้าผากมีมุม(โค้งลง)เพียงเล็กน้อย
ส่วนที่ยื่นออกมาจากใบหน้า ( ปาก ) : มีการพัฒนาที่ดี
คาง : แข็งแกร่งและมั่นคง มีการพัฒนาที่ดีด้วยไม่มีลักษณะที่ฟันบนและฟันล่างไม่สบกัน
หู : หูขนาดปานกลาง ปลายหูมน ตั้งห่างกัน ฐานหูไม่กว้าง
ตา : ตากลมโต สว่างสดใส
ลำตัว : เป็นแมวที่มีขนาดตัวปานกลางจนถึงขนาดใหญ่ ช่วงไหล่กับสะโพกมีความกว้างเท่ากัน ลำตัวกลม ตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมีย
ขา : ยาวปานกลาง ได้สัดส่วนกับลำตัว
อุ้งเท้า : อุ้งเท้ากลมใหญ่ ขาหน้ามี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว
หาง : มีขนาดเหมาะสมกับลำตัว มีขนาดเล็กลงจากสะโพกถึงปลายหาง
ขน : ขนแน่น หยิก และยาวปานกลาง บางตัวอาจจะมีขนที่มีลักษณะเป็นลอน โค้ง งอ รวมทั้งขนในหูด้วย สภาพขนโดยรวมดูหยาบแต่ไม่กระด้าง ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญกว่าลักษณะที่เป็นลอนของขน ถ้าแมวมีความหนาแน่นของขนมากก็จะนำไปสู่การที่มีขนเป็นลอนมากกว่าการที่ขนมีลักษณะเป็นคลื่น ในการประกวดแมวชนิดนี้จะเน้นความสำคัญที่ขนมากกว่าที่จะดูว่าหนวดม้วนด้วยหรือเปล่า ข้อบกพร่อง : จุดหักของใบหน้า ( จุด Stop ) อยู่ลึก
คุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์ : ขนที่ผิดลักษณะ, หางที่หงิกงอ หรือผิดปกติ , ขนยาวและกระเซิง , มีนิ้วไม่ครบจำนวน , ลูกผสมระหว่างสี ช็อกโกแลต , ลาเวนเดอร์ , ลักษณะหิมาลายัน กับสีขาว
สีของแมวพันธุ์ American Wirehair
ขาว: สีพื้นของลำตัวเป็นเป็นสีขาวที่ส่องเป็นประกาย หนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : ชมพูสีตา : เป็นสีน้ำเงินเข้ม หรือสีทองสดใส อาจจะมีตาที่มีลักษณะที่แปลก คือ มีสีเทาเข้มข้างหนึ่งและสีทองข้างหนึ่งโดยมีความเข้มของสีเท่าๆ กัน
ดำ : สีพื้นของลำตัวมีสีดำชัดเจน ตั้งแต่โคนถึงปลายขน ตรงปลายจะไม่มีสีสนิมหรือมีสีเทาที่ขนข้างใต้ลำตัวหนังหุ้มจมูก : ดำอุ้งเท้า : ดำหรือน้ำตาลสีตา : ทองสดใส
เทาเข้ม : สีพื้นของลำตัวเป็นสีเทาเข้ม สีจากจมูกไปถึงปลายหางเป็นสีระดับเดียวกันหมด มีสีตั้งแต่รากของขน แมวที่มีสีที่เป็นโทนสีเข้มจะเป็นทีน่าสนใจมากกว่าแมวที่มีสีโทนอ่อนกว่าหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : เทาเข้ม สีตา : ทองสดใส
แดงส้ม : สีพื้นของลำตัวเป็นสีแดงส้มเข้ม มีจุดแต้ม ริมฝีปากและคางมีสีเดียวกับขนหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : แดงอิฐสีตา : ทองสดใส
ครีม : สีพื้นของลำตัวเป็นสีโทนเดียว คือ สีเนื้อ ไม่มีจุดแต้ม มีสีตั้งแต่รากของขน แมวที่มีสีที่เป็นโทนสีอ่อนจะเป็นทีน่าสนใจมากกว่าแมวที่มีสีโทนเข้มกว่าหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : ชมพูสีตา : ทองสดใส
เงิน CHINCHILLA : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาวล้วน สีขนตรงหลัง,สีข้าง,ศีรษะ และหาง เป็นสีดำเงาตรงปลายซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงลักษณะที่ดี ปลายขนที่ขามีสีดำเล็กน้อย ขนที่คาง , หู ,ท้อง , หน้าอก เป็นสีขาวล้วน ขอบตา , ริมฝีปาก และจมูก เป็นสีดำหนังหุ้มจมูก : แดงอิฐอุ้งเท้า : ดำสีตา : เขียว หรือ น้ำเงินเขียว
เงิน : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ตรงปลายขนเป็นสีดำ ไล่ไปจนถึงข้างๆลำตัว หน้าและหาง เป็นสีดำเข้มไล่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นสีขาวที่คาง,หน้าอก,ท้อง และใต้หาง ขามีสีเดียวกับหน้า โดยสรุปแล้วแมวพันธุ์นี้จะมีสีเข้มกว่าพันธุ์เงิน CHINCHILLA ขอบตา,ริมฝีปาก และจมูก เป็นสีดำหนังหุ้มจมูก : แดงอิฐอุ้งเท้า : ดำสีตา : เขียว หรือ น้ำเงินเขียว
SHELL CAMEO (แดงส้ม Chinchilla) : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว สีขนตรงหลัง,สีข้าง,ศีรษะ และหาง เป็นสีแดงส้มเงาตรงปลายซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงลักษณะที่ดี ปลายขนที่หน้าและขามีสีแดงส้มเล็กน้อย ขนที่คาง , หู ,ท้อง , หน้าอก เป็นสีขาวหนังหุ้มจมูก ขอบของตาและอุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
CAMEO ( แดงเงา ) : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ตรงปลายขนเป็นสีแดงส้ม ไล่ไปจนถึงข้างๆลำตัว หน้าและหาง เป็นสีแดงส้มเข้มไล่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นสีขาวที่คาง,หน้าอก,ท้อง และใต้หาง ขาเป็นสีเดียวกับหน้า โดยสรุปแล้วแมวพันธุ์นี้จะมีสีแดงส้มเข้มกว่าพันธุ์ SHELL CAMEOหนังหุ้มจมูก ขอบของตาและอุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
เทาดำ : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ปลายขนเป็นสีดำ ขณะที่มันนั่งจะเห็นเป็นสีดำ ขณะที่มันเคลื่อนไหวจะเห็นสีขาวได้อย่างชัดเจน จุดและสิ่งที่ปกคลุม ( หน้ากาก ) สีดำ เป็นลักษณะที่เป็นแถบแคบๆอยู่ที่ฐานของขนที่มีสีขาวและเลยไปถึงผิวหนัง ซึ่งจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อแหวกขนลงไปดูหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : ดำสีตา : ทองสดใส
เทาขุ่น : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ปลายขนเป็นเทาเข้ม ขณะที่มันนั่งจะเห็นเป็นสีเทาเข้ม ขณะที่มันเคลื่อนไหวจะเห็นสีขาวได้อย่างชัดเจน จุดและสิ่งที่ปกคลุม ( หน้ากาก ) สีเทาเข้ม เป็นลักษณะที่เป็นแถบแคบๆอยู่ที่ฐานของขนที่มีสีขาวและเลยไปถึงผิวหนัง ซึ่งจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อแหวกขนลงไปดูหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : เทาเข้ม สีตา : ทองสดใส
เทา CAMEO ( เทาแดง ) : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ปลายขนเป็นสีแดงส้ม ขณะที่มันนั่งจะเห็นเป็นสีแดงส้ม ขณะที่มันเคลื่อนไหวจะเห็นสีขาวได้อย่างชัดเจน จุดและสิ่งที่ปกคลุม ( หน้ากาก) สีแดงส้ม เป็นลักษณะที่เป็นแถบแคบๆอยู่ที่ฐานของขนที่มีสีขาวและเลยไปถึงผิวหนัง ซึ่งจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อแหวกขนลงไปดูหนังหุ้มจมูก ขอบของตาและอุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
CLASSIC TABBY PATTERN (ลักษณะเป็นแถบ) : มีลักษณะเป็นจุดอย่างหนาแน่น มีขอบเขตชัดเจนและกว้างขวาง ขามีลายที่เป็นลักษณะเป็นวงซึ่งต่อเนื่องมาจนถึงจุดที่อยู่บนตัว หางก็มีลักษณะเป็นวง มีลักษณะเป็นวงที่ไม่ขาด ต่อไปเรื่อยๆถึงคอและอกส่วนบน ซึ่งลักษณะนี้ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี มีรอยตรงระหว่างคิ้วเป็นรูปอักษรตัว M มีเส้นที่วิ่งจากมุมนอกของตาไปทางด้านหลัง มีลายเป็นวงบนแก้ม มีแถบเป็นแนวดิ่งพาดอยู่บนหลังหัว วิ่งไปจนถึงรอยที่แต้มอยู่บนหัวไหล่ ที่มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อที่มีปีกด้านบนและล่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนและมีจุดเล็กๆบนลายนี้ด้วย ลายที่อยู่บนหลังประกอบด้วย แถบที่วิ่งเป็นแนวดิ่งลงไปทางด้านท้อง จากลายรูปผีเสื้อไปจนถึงหาง มีทั้ง 2 ข้างของลำตัว แต่ละข้างมี 3 แถบ ลายทั้ง 3 แถบนี้ถูกแบ่งโดยแถบสีที่เป็นสีพื้นของขน ทั้ง 2 ข้างควรจะมีลายเหมือนกัน แล้วก็มีแถบคู่ 2 แถวตรงราวนมตรงหน้าอกและท้อง
MACKEREL TABBY PATTERN ( แถบสี MACKEREL ) : มีลักษณะเป็นจุดอย่างหนาแน่น มีขอบเขตชัดเจนและแคบ ขามีลายที่เป็นลักษณะเป็นวงซึ่งต่อเนื่องมาจนถึงจุดที่อยู่บนตัว หางมีลายเป็นเส้น ลายเป็นวงตรงคอและอกเห็นได้ชัดเจนเหมือนกับสายโซ่ มีรอยตรงระหว่างคิ้วเป็นรูปอักษรตัว M มีเส้นที่วิ่งจากมุมนอกของตาไปทางด้านหลัง
ลายสีเงิน ( classic , mackerel ) : สีพื้นรวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีเงิน มีรอยแต้มเป็นสีดำหนาหนังหุ้มจมูก : แดงอิฐอุ้งเท้า : ดำสีตา : เขียว หรือ น้ำตาลแดง
ลายสีแดงส้ม (classic, mackerel) : สีพื้นเป็นสีแดงส้ม มีรอยแต้มเป็นสีแดงส้มเข้ม เด่น ริมฝีปากและคางเป็นสีแดงส้มหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : แดงอิฐสีตา : ทองสดใส
ลายสีน้ำตาล (classic, mackerel) : สีพื้นเป็นสีน้ำตาลอมแดง มีรอยแต้มเป็นสีดำหนา ริมฝีปากและคางมีสีเดียวกับสีที่เป็นวงอยู่รอบๆตา มีสีดำจากอุ้งเท้าถึงส้นเท้าหนังหุ้มจมูก : แดงอิฐอุ้งเท้า : ดำ หรือ น้ำตาลสีตา : ทองสดใส
ลายสีเทาเข้ม (classic, mackerel) : สีพื้นรวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีเทาอ่อน รอยแต้มเป็นสีเทาเข้มทำให้เห็นความแตกต่างจากสีพื้นได้อย่างชัดเจนหนังหุ้มจมูก : กุหลาบแก่อุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
ลายสีครีม (classic, mackerel) : สีพื้นรวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีครีมอ่อน รอยแต้มที่เป็นสีเหลืองอ่อนจะเข้มกว่าสีพื้น และจะตัดกับสีพื้นอย่างชัดเจนหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : ชมพูสีตา : ทองสดใส
ลายสีCAMEO (classic, mackerel) : สีพื้นไม่มีสีขาว รอยแต้มเป็นสีแดงส้มหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
สีกระ : เป็นสีดำที่มีจุดสีแดงส้มและครีม ลายปื้นจะไม่ต่อกันเป็นลายยาวๆ คือ จะขาดๆแต่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน พบได้ที่ลำตัวและจุดเด่นของลำตัว เช่น สะโพก สีแดงส้มเพลิงหรือสีครีมเป็นลักษณะที่ต้องการสีตา : ทองสดใส
CALICO : เป็นสีขาวที่มีจุดสีดำและแดง โดยสีขาวที่อยู่ด้านล่างจะเด่นสีตา : ทองสดใส
CALICO อ่อน : เป็นสีขาวที่มีจุดสีเทาเข้มและสีครีม โดยสีขาวที่อยู่ด้านล่างจะเด่นสีตา : ทองสดใส
เทาเข้ม-ครีม : สีพื้นของลำตัวเป็นสีเทาเข้มและมีแถบสีครีม ลายปื้นจะไม่ต่อกันเป็นลายยาวๆ คือ จะขาดๆแต่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน พบได้ที่ลำตัวและจุดเด่นของลำตัว เช่น สะโพกสีตา : ทองสดใส
ผสม 2 สี :~ เป็นสีขาวที่มีจุดสีดำและเทาเข้ม เป็นสีขาวที่มีจุดสีแดงส้มและสีครีมสีตา : ทอง ยิ่งสว่างยิ่งดี
อื่นๆ : สีอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวมาในข้างต้นแสดงถึงผลของการผสมระหว่างสีช็อกโกแลต , ลาเวนเดอร์ , ลักษณะหิมาลายัน กับสีขาวสีตา : แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละสี
แมวพันธุ์ American Wirehair เป็นลักษณะเด่นของแมวพันธุ์ American เป็นการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ เกิดขึ้นในฟาร์มแห่งหนึ่ง เหนือรัฐ New York ในปี ค.ศ. 1966 การกลายพันธุ์โดยธรรมชาตินี้เป็นสิ่งที่ผิดปกติ แต่ก็สามารถพบได้โดยทั่วไป มันเกิดขึ้นในอดีต จากการที่แมว 2 ตัวผสมพันธุ์แล้วได้ลูกที่มีลักษณะไม่เหมือน พ่อ- แม่ ตอนนี้ลูกหลานของมันก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว USA แล้ว สิ่งที่น่าสนใจและไม่ธรรมดาเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ที่แปลกพิเศษนี้ คือ มันไม่ได้ถูกรายงานไปในประเทศอื่น
ขน คือ ลักษณะที่แยกสายพันธุ์ American Wirehair ออกจากสายพันธุ์อื่น แต่ว่ามันก็มีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกับแมว Persians หรือ Exotics มันถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Wirehair ถึงแม้ว่าจะเป็นลักษณะที่เด่น แต่ก็มีประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่เป็นแบบ Wirehair ตั้งแต่เกิด ลักษณะที่ดีและเห็นได้ชัดเจนของแมวพันธุ์ American Wirehair คือ การที่มีหนวดเป็นแบบขดลวด ขนทั้งหมดจะแข็ง หยาบ เหมือนลวดตั้งแต่เกิด ถ้าขนที่ปรากฏมีลักษณะเป็นลอน มันจะยาวและมีลักษณะเป็นคลื่น หรือเป็นเส้นตรงเมื่อแก่ตัวไป การม้วนของขนจะเกิดขึ้นในช่วงแรกๆของชีวิต ระดับของความหยาบกระด้างของขน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างขนของ พ่อ-แม่ เพื่อที่จะให้ลูกออกมามีขนที่ดีที่สุด ทั้งพ่อ และแม่ต้องมีลักษณะขนที่แข็ง
ตั้งแต่แรกที่การกลายพันธุ์ชนิดนี้ได้เกิดขึ้นมาในพวกแมวพันธุ์ American มันก็มีลักษณะทั่วไปเหมือนกับแมวพันธุ์ American Shorthair อย่างไรก็ตามแมวพันธุ์ American Wirehair ก็ยังมีลักษณะเฉพาะของมันก็คือ ตอนแรกเกิด ขนที่ปกคลุมมันจะมีลักษณะสั้น คล้ายลวด ซึ่งยากต่อการดูแลรักษา นอกจากนี้ นักปรับปรุงพันธุ์ยังรู้สึกว่ามันมีบางลักษณะที่ควรรักษาไว้และบางลักษณะที่สมควรมีการพัฒนาต่อไป แมวพันธุ์ American Wirehair ได้ถูกยอมรับเป็นครั้งแรกในองค์การ CFA ในปี 1967 และยอมให้เข้าร่วมการแข่งขันในปี 1978 นักปรับปรุงพันธุ์พบว่าแมวพันธุ์ American Wirehair ง่ายต่อการเลี้ยง ไม่ค่อยเป็นโรคและมีลูกง่าย คนที่เลี้ยงจะชอบที่มันเป็นแมวทีรักสงบ
ราคาของแมวพันธุ์ American Wirehair ขึ้นอยู่กับชนิด จุดแต้มที่แปลกออกไป และสายพันธุ์ว่ามาจากพ่อ-แม่ที่ดีหรือไม่ โดยกำหนดไว้โดยสถาบันต่างๆ ดังนี้ Grand Champion (GC), National or Regional winning parentage (NW or RW) or of Distinguished Merit parentage (DM) สถาบัน DM ประสบความสำเร็จในการผลิตแม่พันธุ์ที่เป็นแม่พันธุ์ที่ดีที่สามารถผลิตลูกหลานได้รับรางวัล CFA ถึง 5 สมัย หรือพ่อพันธุ์ที่ดีที่สามารถผลิตลูกหลานได้รับรางวัล CFA ถึง 15 สมัย โดยปกติแล้วนักปรับปรุงพันธุ์จะอนุญาตให้ลูกแมวเข้าประกวดได้เมื่ออายุ 12 –16 สัปดาห์ หลังจากอายุ 12 สัปดาห์ ลูกแมวจะได้รับการฉีดวัคซีนพื้นฐาน การพัฒนาทางด้านกายภาพและการเข้าสังคม เพื่อเตรียมตัวไปสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ สามารถนำไปออกแสดงได้หรือสามารถเดินทางทางอากาศได้ การที่จะเลี้ยงแมวพันธุ์ American Wirehair นี้ควรจะเก็บที่มีค่าไว้ให้เรียบร้อย ทำหมัน และระวังนิสัยที่ชอบขีดข่วนของมันตามธรรมชาติด้วย ( CFA ไม่เห็นด้วยที่จะตัดเล็บมันออกไป ) ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่จำเป็นที่จะทำให้มันมีสุขภาพดี มีชีวิตยืนยาว และมีความสุข
ลักษณะทั่วไป : แมวพันธุ์ American Wirehair นี้เป็นลักษณะที่กลายพันธุ์ไปเองตามธรรมชาติ เป็นแมวที่มีขนาดตัวปานกลางจนถึงขนาดใหญ่ ขนไม่เพียงแต่จะยืดหยุ่นและหนาทึบเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะที่หยาบเหมือนเส้นลวด และแข็งอีกด้วย ซึ่งลักษณะนี้เป็นลักษณะที่ทำให้แมวพันธุ์ American Wirehair แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่นๆ ลักษณะนิสัย : แมวพันธุ์ American Wirehair เป็นแมวที่มีชีวิตชีวา มีความว่องไว ความปราดเปรียวและกระตือรือร้นในสิ่งรอบข้างตลอดเวลา
หัว : มีขนาดเหมาะสมกับลำตัว โครงสร้างเป็นลักษณะค่อนข้างกลมที่จะมีกระดูกแก้มยื่นออกมาอย่างชัดเจน มีส่วนที่ยื่นออกมาจากใบหน้า ( ปาก ) และคางที่มีการพัฒนาที่ดี
จมูก : ในประวัติของแมวพันธุ์นี้ จมูกไม่หัก แต่ช่วงต่อระหว่างจมูกกับหน้าผากมีมุม(โค้งลง)เพียงเล็กน้อย
ส่วนที่ยื่นออกมาจากใบหน้า ( ปาก ) : มีการพัฒนาที่ดี
คาง : แข็งแกร่งและมั่นคง มีการพัฒนาที่ดีด้วยไม่มีลักษณะที่ฟันบนและฟันล่างไม่สบกัน
หู : หูขนาดปานกลาง ปลายหูมน ตั้งห่างกัน ฐานหูไม่กว้าง
ตา : ตากลมโต สว่างสดใส
ลำตัว : เป็นแมวที่มีขนาดตัวปานกลางจนถึงขนาดใหญ่ ช่วงไหล่กับสะโพกมีความกว้างเท่ากัน ลำตัวกลม ตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมีย
ขา : ยาวปานกลาง ได้สัดส่วนกับลำตัว
อุ้งเท้า : อุ้งเท้ากลมใหญ่ ขาหน้ามี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว
หาง : มีขนาดเหมาะสมกับลำตัว มีขนาดเล็กลงจากสะโพกถึงปลายหาง
ขน : ขนแน่น หยิก และยาวปานกลาง บางตัวอาจจะมีขนที่มีลักษณะเป็นลอน โค้ง งอ รวมทั้งขนในหูด้วย สภาพขนโดยรวมดูหยาบแต่ไม่กระด้าง ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญกว่าลักษณะที่เป็นลอนของขน ถ้าแมวมีความหนาแน่นของขนมากก็จะนำไปสู่การที่มีขนเป็นลอนมากกว่าการที่ขนมีลักษณะเป็นคลื่น ในการประกวดแมวชนิดนี้จะเน้นความสำคัญที่ขนมากกว่าที่จะดูว่าหนวดม้วนด้วยหรือเปล่า ข้อบกพร่อง : จุดหักของใบหน้า ( จุด Stop ) อยู่ลึก
คุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์ : ขนที่ผิดลักษณะ, หางที่หงิกงอ หรือผิดปกติ , ขนยาวและกระเซิง , มีนิ้วไม่ครบจำนวน , ลูกผสมระหว่างสี ช็อกโกแลต , ลาเวนเดอร์ , ลักษณะหิมาลายัน กับสีขาว
สีของแมวพันธุ์ American Wirehair
ขาว: สีพื้นของลำตัวเป็นเป็นสีขาวที่ส่องเป็นประกาย หนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : ชมพูสีตา : เป็นสีน้ำเงินเข้ม หรือสีทองสดใส อาจจะมีตาที่มีลักษณะที่แปลก คือ มีสีเทาเข้มข้างหนึ่งและสีทองข้างหนึ่งโดยมีความเข้มของสีเท่าๆ กัน
ดำ : สีพื้นของลำตัวมีสีดำชัดเจน ตั้งแต่โคนถึงปลายขน ตรงปลายจะไม่มีสีสนิมหรือมีสีเทาที่ขนข้างใต้ลำตัวหนังหุ้มจมูก : ดำอุ้งเท้า : ดำหรือน้ำตาลสีตา : ทองสดใส
เทาเข้ม : สีพื้นของลำตัวเป็นสีเทาเข้ม สีจากจมูกไปถึงปลายหางเป็นสีระดับเดียวกันหมด มีสีตั้งแต่รากของขน แมวที่มีสีที่เป็นโทนสีเข้มจะเป็นทีน่าสนใจมากกว่าแมวที่มีสีโทนอ่อนกว่าหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : เทาเข้ม สีตา : ทองสดใส
แดงส้ม : สีพื้นของลำตัวเป็นสีแดงส้มเข้ม มีจุดแต้ม ริมฝีปากและคางมีสีเดียวกับขนหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : แดงอิฐสีตา : ทองสดใส
ครีม : สีพื้นของลำตัวเป็นสีโทนเดียว คือ สีเนื้อ ไม่มีจุดแต้ม มีสีตั้งแต่รากของขน แมวที่มีสีที่เป็นโทนสีอ่อนจะเป็นทีน่าสนใจมากกว่าแมวที่มีสีโทนเข้มกว่าหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : ชมพูสีตา : ทองสดใส
เงิน CHINCHILLA : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาวล้วน สีขนตรงหลัง,สีข้าง,ศีรษะ และหาง เป็นสีดำเงาตรงปลายซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงลักษณะที่ดี ปลายขนที่ขามีสีดำเล็กน้อย ขนที่คาง , หู ,ท้อง , หน้าอก เป็นสีขาวล้วน ขอบตา , ริมฝีปาก และจมูก เป็นสีดำหนังหุ้มจมูก : แดงอิฐอุ้งเท้า : ดำสีตา : เขียว หรือ น้ำเงินเขียว
เงิน : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ตรงปลายขนเป็นสีดำ ไล่ไปจนถึงข้างๆลำตัว หน้าและหาง เป็นสีดำเข้มไล่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นสีขาวที่คาง,หน้าอก,ท้อง และใต้หาง ขามีสีเดียวกับหน้า โดยสรุปแล้วแมวพันธุ์นี้จะมีสีเข้มกว่าพันธุ์เงิน CHINCHILLA ขอบตา,ริมฝีปาก และจมูก เป็นสีดำหนังหุ้มจมูก : แดงอิฐอุ้งเท้า : ดำสีตา : เขียว หรือ น้ำเงินเขียว
SHELL CAMEO (แดงส้ม Chinchilla) : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว สีขนตรงหลัง,สีข้าง,ศีรษะ และหาง เป็นสีแดงส้มเงาตรงปลายซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงลักษณะที่ดี ปลายขนที่หน้าและขามีสีแดงส้มเล็กน้อย ขนที่คาง , หู ,ท้อง , หน้าอก เป็นสีขาวหนังหุ้มจมูก ขอบของตาและอุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
CAMEO ( แดงเงา ) : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ตรงปลายขนเป็นสีแดงส้ม ไล่ไปจนถึงข้างๆลำตัว หน้าและหาง เป็นสีแดงส้มเข้มไล่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นสีขาวที่คาง,หน้าอก,ท้อง และใต้หาง ขาเป็นสีเดียวกับหน้า โดยสรุปแล้วแมวพันธุ์นี้จะมีสีแดงส้มเข้มกว่าพันธุ์ SHELL CAMEOหนังหุ้มจมูก ขอบของตาและอุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
เทาดำ : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ปลายขนเป็นสีดำ ขณะที่มันนั่งจะเห็นเป็นสีดำ ขณะที่มันเคลื่อนไหวจะเห็นสีขาวได้อย่างชัดเจน จุดและสิ่งที่ปกคลุม ( หน้ากาก ) สีดำ เป็นลักษณะที่เป็นแถบแคบๆอยู่ที่ฐานของขนที่มีสีขาวและเลยไปถึงผิวหนัง ซึ่งจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อแหวกขนลงไปดูหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : ดำสีตา : ทองสดใส
เทาขุ่น : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ปลายขนเป็นเทาเข้ม ขณะที่มันนั่งจะเห็นเป็นสีเทาเข้ม ขณะที่มันเคลื่อนไหวจะเห็นสีขาวได้อย่างชัดเจน จุดและสิ่งที่ปกคลุม ( หน้ากาก ) สีเทาเข้ม เป็นลักษณะที่เป็นแถบแคบๆอยู่ที่ฐานของขนที่มีสีขาวและเลยไปถึงผิวหนัง ซึ่งจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อแหวกขนลงไปดูหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : เทาเข้ม สีตา : ทองสดใส
เทา CAMEO ( เทาแดง ) : สีขนข้างใต้ลำตัวเป็นสีขาว ปลายขนเป็นสีแดงส้ม ขณะที่มันนั่งจะเห็นเป็นสีแดงส้ม ขณะที่มันเคลื่อนไหวจะเห็นสีขาวได้อย่างชัดเจน จุดและสิ่งที่ปกคลุม ( หน้ากาก) สีแดงส้ม เป็นลักษณะที่เป็นแถบแคบๆอยู่ที่ฐานของขนที่มีสีขาวและเลยไปถึงผิวหนัง ซึ่งจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อแหวกขนลงไปดูหนังหุ้มจมูก ขอบของตาและอุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
CLASSIC TABBY PATTERN (ลักษณะเป็นแถบ) : มีลักษณะเป็นจุดอย่างหนาแน่น มีขอบเขตชัดเจนและกว้างขวาง ขามีลายที่เป็นลักษณะเป็นวงซึ่งต่อเนื่องมาจนถึงจุดที่อยู่บนตัว หางก็มีลักษณะเป็นวง มีลักษณะเป็นวงที่ไม่ขาด ต่อไปเรื่อยๆถึงคอและอกส่วนบน ซึ่งลักษณะนี้ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี มีรอยตรงระหว่างคิ้วเป็นรูปอักษรตัว M มีเส้นที่วิ่งจากมุมนอกของตาไปทางด้านหลัง มีลายเป็นวงบนแก้ม มีแถบเป็นแนวดิ่งพาดอยู่บนหลังหัว วิ่งไปจนถึงรอยที่แต้มอยู่บนหัวไหล่ ที่มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อที่มีปีกด้านบนและล่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนและมีจุดเล็กๆบนลายนี้ด้วย ลายที่อยู่บนหลังประกอบด้วย แถบที่วิ่งเป็นแนวดิ่งลงไปทางด้านท้อง จากลายรูปผีเสื้อไปจนถึงหาง มีทั้ง 2 ข้างของลำตัว แต่ละข้างมี 3 แถบ ลายทั้ง 3 แถบนี้ถูกแบ่งโดยแถบสีที่เป็นสีพื้นของขน ทั้ง 2 ข้างควรจะมีลายเหมือนกัน แล้วก็มีแถบคู่ 2 แถวตรงราวนมตรงหน้าอกและท้อง
MACKEREL TABBY PATTERN ( แถบสี MACKEREL ) : มีลักษณะเป็นจุดอย่างหนาแน่น มีขอบเขตชัดเจนและแคบ ขามีลายที่เป็นลักษณะเป็นวงซึ่งต่อเนื่องมาจนถึงจุดที่อยู่บนตัว หางมีลายเป็นเส้น ลายเป็นวงตรงคอและอกเห็นได้ชัดเจนเหมือนกับสายโซ่ มีรอยตรงระหว่างคิ้วเป็นรูปอักษรตัว M มีเส้นที่วิ่งจากมุมนอกของตาไปทางด้านหลัง
ลายสีเงิน ( classic , mackerel ) : สีพื้นรวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีเงิน มีรอยแต้มเป็นสีดำหนาหนังหุ้มจมูก : แดงอิฐอุ้งเท้า : ดำสีตา : เขียว หรือ น้ำตาลแดง
ลายสีแดงส้ม (classic, mackerel) : สีพื้นเป็นสีแดงส้ม มีรอยแต้มเป็นสีแดงส้มเข้ม เด่น ริมฝีปากและคางเป็นสีแดงส้มหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : แดงอิฐสีตา : ทองสดใส
ลายสีน้ำตาล (classic, mackerel) : สีพื้นเป็นสีน้ำตาลอมแดง มีรอยแต้มเป็นสีดำหนา ริมฝีปากและคางมีสีเดียวกับสีที่เป็นวงอยู่รอบๆตา มีสีดำจากอุ้งเท้าถึงส้นเท้าหนังหุ้มจมูก : แดงอิฐอุ้งเท้า : ดำ หรือ น้ำตาลสีตา : ทองสดใส
ลายสีเทาเข้ม (classic, mackerel) : สีพื้นรวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีเทาอ่อน รอยแต้มเป็นสีเทาเข้มทำให้เห็นความแตกต่างจากสีพื้นได้อย่างชัดเจนหนังหุ้มจมูก : กุหลาบแก่อุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
ลายสีครีม (classic, mackerel) : สีพื้นรวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีครีมอ่อน รอยแต้มที่เป็นสีเหลืองอ่อนจะเข้มกว่าสีพื้น และจะตัดกับสีพื้นอย่างชัดเจนหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : ชมพูสีตา : ทองสดใส
ลายสีCAMEO (classic, mackerel) : สีพื้นไม่มีสีขาว รอยแต้มเป็นสีแดงส้มหนังหุ้มจมูกและอุ้งเท้า : กุหลาบสีตา : ทองสดใส
สีกระ : เป็นสีดำที่มีจุดสีแดงส้มและครีม ลายปื้นจะไม่ต่อกันเป็นลายยาวๆ คือ จะขาดๆแต่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน พบได้ที่ลำตัวและจุดเด่นของลำตัว เช่น สะโพก สีแดงส้มเพลิงหรือสีครีมเป็นลักษณะที่ต้องการสีตา : ทองสดใส
CALICO : เป็นสีขาวที่มีจุดสีดำและแดง โดยสีขาวที่อยู่ด้านล่างจะเด่นสีตา : ทองสดใส
CALICO อ่อน : เป็นสีขาวที่มีจุดสีเทาเข้มและสีครีม โดยสีขาวที่อยู่ด้านล่างจะเด่นสีตา : ทองสดใส
เทาเข้ม-ครีม : สีพื้นของลำตัวเป็นสีเทาเข้มและมีแถบสีครีม ลายปื้นจะไม่ต่อกันเป็นลายยาวๆ คือ จะขาดๆแต่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน พบได้ที่ลำตัวและจุดเด่นของลำตัว เช่น สะโพกสีตา : ทองสดใส
ผสม 2 สี :~ เป็นสีขาวที่มีจุดสีดำและเทาเข้ม เป็นสีขาวที่มีจุดสีแดงส้มและสีครีมสีตา : ทอง ยิ่งสว่างยิ่งดี
อื่นๆ : สีอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวมาในข้างต้นแสดงถึงผลของการผสมระหว่างสีช็อกโกแลต , ลาเวนเดอร์ , ลักษณะหิมาลายัน กับสีขาวสีตา : แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละสี
แมวพันธุ์ Balinese ลักษณะประจำพันธุ์
เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากในการเป็นเจ้าของแมวพันธุ์ บาร์ลิเนสซักตัว คุณจะพูดถึงมันอย่างตื่นเต้นจนกว่าคุณจะหยุดก็ต่อเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยที่เดียวภายใต้ขนยาวนุ่ม สวยงามนั้น แมวพันธุ์บาร์ลิเนสนั้นนิสัยก็ดีด้วย ถึงแม้ว่ามันจะมีลักษณะที่สง่างาม แต่มันก็สามารถทำให้เจ้าของรู้สึกเพลิดเพลินได้ ไม่ต่างจากตัวตลกในคณะละครสัตว์เลยทีเดียว ถ้าคุณต้องการจะวัดความฉลาดของมัน เพียงแค่จ้องเข้าไปในดวงตาสีแซฟไฟร์ที่สดใสแวววาวไปด้วยความกระตือรือล้น ความมีสุขภาพดี และความอยากรู้อยากเห็น ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นที่นิยมเท่ากับ แมวสยาม แต่ แมวพันธุ์นี้มีเสียงร้องที่ค่อยกว่าและนุ่มนวลกว่า การทำความสะอาดก็ง่ายดาย เพราะขนของมันไม่หนาเหมือนสัตว์ขนยาวทั่วไป
โดยทั่วไป แมวบาร์ลิเนสมีขนยาว เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของแมวสยาม การที่ธรรมชาติให้สิ่งนี้กับแมวพันธุ์นี้นั้น ช่วยส่งเสริมความสง่างามของมันมากขึ้น ความยาวของขนนั้นเป็นข้อแตกต่างระหว่าง แมวสยาม และแมวบาร์ลิเนส ถึงแม้ว่าจะมีการพิสูจน์ว่าบางครั้งบางคราวในลูกของแมวสยาม 1 ครอก จะปรากฎลูกแมวที่มีลักษณะขนยาวซักตัว สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของนักเพาะพันธุ์มากมาย ไม่ต้องใช้ความพยายามในการโปรโมทแมวบาร์ลิเนสนี้เลย เพราะความสวยงามน่ารักของมันแก่ผู้พบเห็น
มีการค้นพบแมวขนกึ่งสั้นกึ่งยาวครั้งแรกที่ อเมริกา แมวบาร์ลิเนสมีลักษณะเหมือนแมวสยามคือแต้มสีที่ จมูก หูทั้งสองข้าง ขาทั้งสี่ และหาง แต่แมวบาร์ลิเนส จะมีขนยาวเรียบ หัวเป็นรูปลิ่มค่อนข้างยาว มองจากด้านหน้า(รวมหูด้วย)จะเป็นรูปสามเหลี่ยม มองจากด้านข้างจมูกกับหน้าผากจะเป็นเส้นตรง หน้าผากไม่นูน หูค่อนข้างใหญ่ ฐานหูกว้าง ตารูปเมล็ด Almond ขนาดปานกลาง รับกับจมูกและหน้า ตาไม่เหล่ไม่เข สีตาเป็นสีน้ำเงินสดใส รูปร่างสูงยาว ขนาดตัวปานกลาง เส้นหลังตรง สะโพกไม่กว้างกว่าไหล่ รูปร่างของตัวผู้อาจจะใหญ่และหนากว่าตัวเมียในบางส่วน อุ้งเท้าเป็นรูปไข่ หางยาว ขนหางยาวชี้ออกเหมือนขนนก ขนลำตัวยาวปานกลาง ละเอียด นุ่ม ไม่มีขนชั้นใน ขนยาวเรียบติดตัว ขนลำตัวอาจจะสั้นกว่าที่หางก็ได้ สีของแต้มมีอยู่ 4 สี คือ Seal point Chocolate point Blue point Lilac point
ลักษณะมาตราฐานของแมวพันธุ์บาร์ลิเนส
ลักษณะมาตราฐานของแมวพันธุ์นี้ถูกกำหนดโดย Cat Fanciers’ Association โดยมีลักษณะดังนี้ หุ่นเพรียวยาว รวมไปถึง หัว ขา และหาง ขนยาวเรียวแหลมอ่อนนิ่ม และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงซึ่งมีลักษณะคล้ายบรรพบุรุษของมันคือ แมวสยามนั้นเอง แต่มันก็ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งในเรื่องของความยาวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และลักษณะที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีขนหางที่ยาวปุยคล้ายขนนก
เพราะ แมวบาร์ลิเนสมีขนชั้นเดียว ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ขนยาวอื่น ๆ ทั่วไปซึ่งจะมีขนสองชั้นขนของแมวพันธุ์นี้จะวางตัวราบเรียบชี้ไปด้านหลัง และไม่ทำให้เสียรูปทรงของแมวพันธุ์นี้
ลักษณะของสีจุดได้รับการรับรองโดย CFA ซึ่งสีจุดนั้นเป็นสีจุดของแมวพันธุ์สยาม
ราคาของแมวบาร์ลิเนสนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของแมวตัวนั้น ซึ่งสามารถทำให้ราคาสูงได้โดย ให้เข้าประกวดในงานต่าง ๆ เช่น Grand Champion, National หรือ Regional Champion
ตามปกติแล้วนักเพาะพันธุ์จะขายลูกแมว อายุประมาณ 12-16 สัปดาห์ ซึ่งเป็นอายุที่เหมาะสม หลังจาก 12 สัปดาห์ ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน และได้รับการส่งเสริมด้านร่างกาย สังคมและการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และควรเลี้ยงในร่ม และมีพื้นที่ให้แมวได้ข่วน ซึ่งเป็นนิสัยธรรมชาติของสัตว์ประเภทนี้
ข้อบกพร่องของแมวพันธุ์นี้ก็คือ ขาหลังอ่อนแอ มีการหายใจทางปากเนื่องจากสิ่งกีดขวางในช่องจมูก และบางตัวมีลักษณะที่ฟันบนและฟันล่างไม่สบกัน มีผลทำให้มีลักษณะคางยาวหรือคางสั้นกว่าปกติ ความหงิกงอของหาง นิ้วเกิน และ มีขนมากกว่าหนึ่งชั้น
ลักษณะสีของแมวบาร์ลิเนส
SEAL POINT: สีของลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ตรงบริเวณท้องและอกจะมีสีที่อ่อนกว่าส่วนของลำตัว สีของจุดจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับสีของจมูกและอุ้งเท้า สีของตาเป็นสีฟ้าเข้ม
CHOCOLATE POINT: สีของลำตัวเป็นสีงาช้าง สีของจุดเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีของchocolateนม สีของจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู่ซินนามอน ตาสีฟ้าเข้ม
BLUE POINT: สีของลำตัวสีขาวออกฟ้าอมเทา สีจะค่อย ๆ จางลงตรงบริเวณท้องและอก สีของจุดมีสีฟ้าเข้ม สีของจมูกและอุ้งเท้ามีสีเทาอมน้ำเงิน ตาสีฟ้าเข้ม
LILAC POINT: สีของลำตัวเป็นสีขาวปลอด สีจุดจะมีสีเทาหรือชมพู สีของจมูกและอุ้งเท้าจะเป็นสีชมพูม่วง ตาสีฟ้าเข้ม
โดยทั่วไป แมวบาร์ลิเนสมีขนยาว เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของแมวสยาม การที่ธรรมชาติให้สิ่งนี้กับแมวพันธุ์นี้นั้น ช่วยส่งเสริมความสง่างามของมันมากขึ้น ความยาวของขนนั้นเป็นข้อแตกต่างระหว่าง แมวสยาม และแมวบาร์ลิเนส ถึงแม้ว่าจะมีการพิสูจน์ว่าบางครั้งบางคราวในลูกของแมวสยาม 1 ครอก จะปรากฎลูกแมวที่มีลักษณะขนยาวซักตัว สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของนักเพาะพันธุ์มากมาย ไม่ต้องใช้ความพยายามในการโปรโมทแมวบาร์ลิเนสนี้เลย เพราะความสวยงามน่ารักของมันแก่ผู้พบเห็น
มีการค้นพบแมวขนกึ่งสั้นกึ่งยาวครั้งแรกที่ อเมริกา แมวบาร์ลิเนสมีลักษณะเหมือนแมวสยามคือแต้มสีที่ จมูก หูทั้งสองข้าง ขาทั้งสี่ และหาง แต่แมวบาร์ลิเนส จะมีขนยาวเรียบ หัวเป็นรูปลิ่มค่อนข้างยาว มองจากด้านหน้า(รวมหูด้วย)จะเป็นรูปสามเหลี่ยม มองจากด้านข้างจมูกกับหน้าผากจะเป็นเส้นตรง หน้าผากไม่นูน หูค่อนข้างใหญ่ ฐานหูกว้าง ตารูปเมล็ด Almond ขนาดปานกลาง รับกับจมูกและหน้า ตาไม่เหล่ไม่เข สีตาเป็นสีน้ำเงินสดใส รูปร่างสูงยาว ขนาดตัวปานกลาง เส้นหลังตรง สะโพกไม่กว้างกว่าไหล่ รูปร่างของตัวผู้อาจจะใหญ่และหนากว่าตัวเมียในบางส่วน อุ้งเท้าเป็นรูปไข่ หางยาว ขนหางยาวชี้ออกเหมือนขนนก ขนลำตัวยาวปานกลาง ละเอียด นุ่ม ไม่มีขนชั้นใน ขนยาวเรียบติดตัว ขนลำตัวอาจจะสั้นกว่าที่หางก็ได้ สีของแต้มมีอยู่ 4 สี คือ Seal point Chocolate point Blue point Lilac point
ลักษณะมาตราฐานของแมวพันธุ์บาร์ลิเนส
ลักษณะมาตราฐานของแมวพันธุ์นี้ถูกกำหนดโดย Cat Fanciers’ Association โดยมีลักษณะดังนี้ หุ่นเพรียวยาว รวมไปถึง หัว ขา และหาง ขนยาวเรียวแหลมอ่อนนิ่ม และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงซึ่งมีลักษณะคล้ายบรรพบุรุษของมันคือ แมวสยามนั้นเอง แต่มันก็ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งในเรื่องของความยาวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และลักษณะที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีขนหางที่ยาวปุยคล้ายขนนก
เพราะ แมวบาร์ลิเนสมีขนชั้นเดียว ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ขนยาวอื่น ๆ ทั่วไปซึ่งจะมีขนสองชั้นขนของแมวพันธุ์นี้จะวางตัวราบเรียบชี้ไปด้านหลัง และไม่ทำให้เสียรูปทรงของแมวพันธุ์นี้
ลักษณะของสีจุดได้รับการรับรองโดย CFA ซึ่งสีจุดนั้นเป็นสีจุดของแมวพันธุ์สยาม
ราคาของแมวบาร์ลิเนสนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของแมวตัวนั้น ซึ่งสามารถทำให้ราคาสูงได้โดย ให้เข้าประกวดในงานต่าง ๆ เช่น Grand Champion, National หรือ Regional Champion
ตามปกติแล้วนักเพาะพันธุ์จะขายลูกแมว อายุประมาณ 12-16 สัปดาห์ ซึ่งเป็นอายุที่เหมาะสม หลังจาก 12 สัปดาห์ ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน และได้รับการส่งเสริมด้านร่างกาย สังคมและการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และควรเลี้ยงในร่ม และมีพื้นที่ให้แมวได้ข่วน ซึ่งเป็นนิสัยธรรมชาติของสัตว์ประเภทนี้
ข้อบกพร่องของแมวพันธุ์นี้ก็คือ ขาหลังอ่อนแอ มีการหายใจทางปากเนื่องจากสิ่งกีดขวางในช่องจมูก และบางตัวมีลักษณะที่ฟันบนและฟันล่างไม่สบกัน มีผลทำให้มีลักษณะคางยาวหรือคางสั้นกว่าปกติ ความหงิกงอของหาง นิ้วเกิน และ มีขนมากกว่าหนึ่งชั้น
ลักษณะสีของแมวบาร์ลิเนส
SEAL POINT: สีของลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ตรงบริเวณท้องและอกจะมีสีที่อ่อนกว่าส่วนของลำตัว สีของจุดจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับสีของจมูกและอุ้งเท้า สีของตาเป็นสีฟ้าเข้ม
CHOCOLATE POINT: สีของลำตัวเป็นสีงาช้าง สีของจุดเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีของchocolateนม สีของจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู่ซินนามอน ตาสีฟ้าเข้ม
BLUE POINT: สีของลำตัวสีขาวออกฟ้าอมเทา สีจะค่อย ๆ จางลงตรงบริเวณท้องและอก สีของจุดมีสีฟ้าเข้ม สีของจมูกและอุ้งเท้ามีสีเทาอมน้ำเงิน ตาสีฟ้าเข้ม
LILAC POINT: สีของลำตัวเป็นสีขาวปลอด สีจุดจะมีสีเทาหรือชมพู สีของจมูกและอุ้งเท้าจะเป็นสีชมพูม่วง ตาสีฟ้าเข้ม
แมวพันธุ์บริติสช็อตแฮร์ (British shorthair)
ต้นกำเนิดดั้งเดิมเชื่อกันว่าเป็นแมวท้องถิ่นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ มีตำนานว่าบรรพบุรุษของแมวพันธุ์นี้มาจากแมวที่ชาวโรมันเอามาเลี้ยงเมื่อ 2 พันปีมาแล้ว แมวอังกฤษขนสั้น สายพันธุ์นี้มีความโดดเด่นทางกายภาพและความสามารถทางการล่าเหยื่อ รวมทั้งความสุขุม อดทน และซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ พันธุ์British Shorthair หาได้ยากในอเมริกา ประมาณ คศ. 1980 เป็นที่ยอมรับมากจากการประกวดโดย CFA จึงเพิ่มการขยายพันธุ์ในอเมริกา โดยสั่งนำเข้าจากประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย
British Shorthair กำลังได้รับความนิยม มีผู้ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเพราะมันเป็นสัตว์ที่ดูเฉลียวฉลาด เป็นธรรมชาติ เป็นที่ชื่นชอบของผู้ฝึกสัตว์เพื่อใช้ในโฆษณาทางโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ฮอลลีวูด British Shorthair มีขนหนานุ่ม สวยงาม ง่ายต่อการแปลงขน ตกแต่งให้สะอาด มักชอบอยู่เงียบๆตัวเดียว แต่มีความสนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัว แมวที่มีขนาดใหญ่อย่างนี้จึงชอบที่จะอยู่บนพื้นมากกว่าการปีนป่ายหรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามพวกมันก็ดูเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของคนในครอบครัว รักเด็ก ขี้อายเล็กน้อย นิสัยเรียบร้อย ไม่ค่อยโวยวายเสียงดัง จนได้รับฉายาว่า “Cheshire Cat smile”
ลักษณะโดยทั่วไป :
รูปร่างขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สมส่วนและแข็งแรง ลำตัวลึก แผงอกแน่น ขาสั้นถึงปานกลาง อุ้งเท้ากลม หัวกลมโต หูปานกลาง คางกระชับ ตากลมโต จมูกสั้นกว้าง แต่ไม่สั้นแบบเปอร์เซีย ขนสั้นแน่น หางยาวปานกลาง โคนหางหนา ปลายหางกลมมน ตัวเมียมีขนาดเล็กว่าตัวผู้ซึ่งมีขากรรไกรล่างใหญ่กว่า สายพันธุ์นี้โตเต็มที่ช้า สีมีหลายสี แต่สีที่นิยมคือสีเทาเข้ม(Blue)
o ศีรษะ : กลมขนาดใหญ่ ใบหน้ากลมติดกับคอที่สั้นหนา ด้านหน้าของศีรษะแบนราบ ไม่ลาดเอียง
o จมูก : ขอบเขตกว้างปานกลาง
o คาง : กระชับ ในแนวเดียวกับจมูกและริมฝีปากบน
o ปาก : จุดหักของหน้า( stop ) กว้าง หนวดโค้งลง
o หู : เป็นส่วนที่สำคัญ ขนาดปานกลาง ฐานกว้าง ปลายกลมมนพอดีกับโครงร่างของศีรษะ
o ตา : กลมโต เปิดได้กว้าง
o ลำตัว : ขนาดปานกลางถึงขนาดใหญ่ หลังเป็นระนาบเดียวกันและอกกว้างลึก
o ขา : ขาสั้นถึงปานกลาง กระดูกแข็งแรง ได้สัดส่วนกับลำตัว ขาหน้าเหยียดตรง
o อุ้งเท้า : กลมและกระชับ นิ้วเท้า : ขาหน้ามี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว
o หาง : ยาวปานกลางสมส่วนกับลำตัว ฐานหนา ปลายกลม เรียวเล็กน้อย
o ขน : สั้นหนา ยืดหยุ่นและกระชับเมื่อจับ ไม่มี 2 ชั้น หรือปุยหยิกหนา
o สี : มีจุดสำคัญอยู่ 5 จุดที่ขนและ10 จุดลายแต้ม แมวจะมีลายสีเข้ม
จุดบกพร่อง : จุดหักของหน้า( stop) เด่นชัด ขนไร้สภาพ ขนยาวหรือสั้นเกินไป ขายาวและรูปร่างผอม
คุณสมบัติที่ต้องตัดสิทธิ์ : มีสีตาผิดลักษณะ ขอบตาสีเขียวเมื่อโตเต็มที่ หางบกพร่อง ขนยาวพอง จำนวนนิ้วไม่ถุกต้อง สีหรือเม็ดสีที่จมูกและที่อุ้งเท้าไม่เหมาะสม สุขภาพไม่ดี ป่วย ขากรรไกรบิดเบี้ยว การเรียงของฟันไม่ดีหรือฟันไม่สบกัน เป็นพันธุ์ผสมมีผลต่อสีขนช็อกโกแลต,ลาเวนเดอร์,ลักษณะหิมาลายันหรือมีสีขาวร่วมด้วย
สีของแมวพันธุ์ BRITISH SHORTHAIR
o สีขาว (WHITE) : สีขาวล้วน ปลายเส้นขนไม่เป็นสีเหลือง
§ สีตา : สีน้ำเงินเข้ม,สีทองหรือสีทองแดง แมวสีขาวอาจจะมีตาสีน้ำเงินเข้มข้างหนึ่งและสีทองอีกข้างหนึ่ง
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีชมพู
o สีดำ (BLACK) : ขนสีดำทั้งเส้นไม่มีสีน้ำตาลเเดงแต้ม ไม่มีขนสีขาว
§ หนังที่จมูก : สีดำ
§ หนังที่อุ้งเท้า : สีดำหรือน้ำตาล
§ สีตา : สีทองหรือทองแดงไม่มีสีเขียว
§ สีเทาเข้ม (BLUE) : สีเทาอ่อนถึงปานกลาง ไม่มีลายหรือสีขาวปน
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีเทาเข้ม
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o สีแดงอมส้ม (RED) : สีแดงเข้ม,สีแดงสว่าง ไม่มีสีขาวปน
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีแดงอิฐ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ ข้อห้าม : มีลาย
o สีครีม (CREAM) : สีครีมเข้ม ไม่มีสีขาวปน
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ ข้อห้าม : มีลาย
o สีเทาควัน (SMOKE) : สีเงิน ปลายขนอาจจะมีสีเทาเข้ม-ครีมหรือสีกระ ผิวหนังเป็นสีขาวหรือสีน้ำเงินจาง เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : คล้ายกับสีขน
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o สีดำเงา (SHADED) : แมวพันธุ์ British Shorthair นี้ มีสีเงินในแบบต่างๆ สีจะอยู่เฉพาะที่ปลายขนและจะจางลงเกือบเป็นสีขาวที่โคนขน ขนที่หลัง,สีข้าง,ศีรษะ,หูและหาง ควรจะมีสีที่ปลายขน ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญยิ่ง การมีปลายขนสีเข้มก็ไม่ถือว่าเป็นจุดบกพร่องและไม่มีลายที่ปลายขน ความจริงแล้วแมวควรมีสีอ่อนๆจนเกือบขาว สีจางลงเรื่อยๆจนถึงอุ้งเท้า ที่คาง,ท้อง,อกและใต้หาง ถ้าสีจางเท่าไรก็ยิ่งดี
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สอดคล้องกับสีขน ผสมสีชมพูหรือสีแดงอิฐและสีเทาเข้ม-ครีม
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง นอกจากขนเป็นสีเงินเงาซึ่งสีตาจะเป็นสีเขียวเท่านั้น
o สีทองเงา (SHADED GOLDEN) : โคนขนมีสีครีมเข้มที่ปลายขนมีสีดำ,สีน้ำตาลเข้ม ขนที่หลัง,สีข้าง,ศีรษะ,หูและหาง ควรจะมีสีที่ปลายขน ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญยิ่ง สีจางลงเรื่อยๆจนถึงอุ้งเท้า ส่วนที่คาง,ท้อง,อกและใต้หางเป็นสีแอพริคอทจางๆ
§ หนังที่จมูก : สีแดงอิฐ ขอบสีดำหรือน้ำตาลเข้ม
§ อุ้งเท้า : สีดำหรือน้ำตาลเข้ม
§ สีตา : สีเขียว
o ลักษณะลายแบบคลาสสิก (CLASSIC TABBY PATTERN) : มีจุดสีเข้ม กว้าง ชัดเจน หางมีลายเป็นวงแหวน มีลายเหมือนสร้อยคอที่คอและเหนืออกขึ้นมา คิ้วด้านหน้าศีรษะเป็นรูปตัว M ลายหมุนวนที่แก้ม เป็นแนวตั้งด้านบนศีรษะถึงไหล่ซึ่งมีรูปร่างเหมือนปีกผีเสื้อทั้งด้านเหนือและใต้ปีกลายเส้นเด่นชัดและมีจุดภายในลายเส้น จุดแต้มที่หลังประกอบด้วยเส้นในแนวตั้งลงมาจากแนวกระดูกสันหลังตั้งแต่ผีเสื้อถึงหางและแถบยาวขนานไปทั้งสองข้างลำตัว จะมี 3 แถบสลับแยกจากสีพื้นออกมา มีจุดด่างดวงขนาดใหญ่ล้อมรอบ ทั้งสองข้างลำตัวนั้นควรจะเหมือนกัน มีเส้นในแนวตั้ง 1 คู่อยู่ที่สะโพกและท้อง
§ จุดบกพร่อง : เป็นลายหรือจุด
§ ข้อห้าม : มีสีขาวไม่ว่าที่ใด
o ลักษณะลายแบบแม็คเคอเร็ล (MACKEREL TABBY PATTERN) : มีจุดสีเข้ม ชัดเจนและลายแคบ ขาเป็นลายเหมือนสร้อยข้อเท้าแคบๆ หางมีลายเป็นแถบ มีลายเหมือนสร้อยคอที่คอและอกชัดเจนเป็นลูกโซ่หลายๆอัน ด้านหน้าศีรษะเป็นรูปตัว M เป็นเส้นต่อเนื่องถึงด้านหลังตา ลงไปถึงหัวไหล่
§ จุดบกพร่อง : เป็นลายหรือจุด ลักษณะแม็คเคอเร็ลจะไม่มีลายเส้นทั้งสองข้างของลำตัว
§ ข้อห้าม : มีสีขาว
o ลักษณะลายจุด (SPOTTED TABBY PATTERN) : มีจุดชัดเจน เป็นวงกลม,รีหรือรูปร่างเหมือนดอกกุหลาบ ศีรษะเหมือนลักษณะลายแบบคลาสสิก ลำตัว,หางและขามีจุดชัดเจน ตัวสีเงินมีจุดสีดำ,สีน้ำตาลกับดำ,ตัวสีแดงอมส้มมีจุดแดงอมส้มเข้มหรือสีพื้นจะเป็นสีอะไรก็ได้ให้เหมาะกับสีของจุด
§ สีตา : เหมือนแบบคลาสสิก
§ จุดบกพร่อง : มีจุดหรือลายไม่ชัดเจนทั้งสองข้างของลำตัว
§ ข้อห้าม : มีสีขาวไม่ว่าที่ใด
o ลายสีเงิน (SILVER TABBY) : สีเงินเป็นสีพื้น รวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีเงินอ่อน มีจุดสีดำเข้ม
§ หนังที่จมูก : สีแดงอิฐ
§ อุ้งเท้า : สีดำ
§ สีตา : สีน้ำตาลอ่อนอมเขียว
o ลายแต้มสีเงิน (SILVER PATCHED TABBY) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) สีพื้นจาง มีจุดสีดำเข้ม แถบสีแดงอมส้มหรือสีแดงอมส้มอ่อนผสมบนลำตัวและที่ขา
§ หนังที่จมูก : สีแดงอิฐ
§ อุ้งเท้า : สีดำหรือสีแดงอิฐ
§ สีตา : สีทองสว่าง,เขียวหรือน้ำตาลอ่อนอมเขียว
o ลายแต้มสีเงินและขาว (SILVER PATCHED TABBY AND WHITE) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) เหมือนลายแต้มสีเงิน แต่มีจุดสีขาวบนหน้า
§ ลายสีแดงอมส้ม (RED TABBY) : สีแดงอมส้มเป็นสีพื้น รวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีแดงเข้ม
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีแดงอิฐ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายสีน้ำตาล (BROWN TABBY) : สีน้ำตาลสว่างเป็นสีพื้น จุดสีดำเข้ม ริมฝีปากและคางมีสีเดียวกับบริเวณรอบดวงตา ขาหลังเป็นสีดำตั้งแต่อุ้งเท้าถึงส้น
§ หนังที่จมูก : สีน้ำตาลอิฐ
§ อุ้งเท้า : สีดำหรือสีน้ำตาล
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายแต้มสีน้ำตาล (BROWN PATCHED TABBY) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) สีน้ำตาลสว่างเป็นสีพื้น มีจุดสีดำเข้ม มีสีแดงแต้มหรือสีแดงอ่อนผสมบนลำตัวและขา
§ หนังที่จมูก : สีแดงอิฐ
§ อุ้งเท้า : สีดำหรือสีแดงอิฐ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายแต้มสีน้ำตาลและขาว (BROWN PATCHED TABBY AND WHITE) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) เหมือนลายแต้มสีน้ำตาล แต่มีจุดสีขาวบนหน้า
o ลายสีเทาเข้ม (BLUE TABBY) : สีเทาเข้มเป็นสีพื้น รวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีงาช้างอ่อนๆ(bluish ivory) มีจุดสีเทาเข้มตัดกับสีพื้น มีสีน้ำตาลอมเหลืองหรือทองแดงแทรก
§ หนังที่จมูก : สีแดงกุหลาบ
§ อุ้งเท้า : สีแดงกุหลาบ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายแต้มสีเทาเข้ม (BLUE PATCHED TABBY) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) สีงาช้างอ่อนๆ(bluish ivory)เป็นสีพื้น มีจุดสีเทาเข้มตัดกับสีพื้น มีสีครีมแต้มหรือผสมบนลำตัวและขา มีสีน้ำตาลอมเหลืองหรือทองแดงแทรก
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีแดงกุหลาบหรือชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายแต้มสีเทาเข้มและขาว (BLUE PATCHED TABBY AND WHITE) : คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) เหมือนลายแต้มสีเทาเข้ม แต่มีจุดสีขาวบนหน้า
o ลายสีครีม (CREAM TABBY) : สีครีมเป็นสีพื้น รวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีครีมอ่อน มีจุดสีน้ำตาลอ่อนหรือครีมซึ่งเข้มกว่าสีพื้น
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ จุดบกพร่อง : มีลาย,มีสีต่อกันถึงอุ้งเท้า,จุดแต้มสีเข้ม
§ ข้อห้าม : มีสีขาว
o สีขาวมีลาย (TABBY AND WHITE) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) ลายสีเทาเข้ม,ครีม,แดงอมส้ม,เงิน,น้ำตาลกับขาว ควรจะมีสีขาวที่เท้า,ขา,อกและปาก
o สีกระ (TORTOISESHELL) : สีดำและสีแดงอมส้มเข้มผสมกันอ่อนๆ ชัดเจน แต่ต้องไม่มีสีแต้มอื่นๆ หรือเป็นสีแดงอมส้มเข้มอย่างเดียวเท่านั้น
§ หนังที่หุ้มจมูกและอุ้งเท้า : สีชมพูหรือสีดำ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ จุดบกพร่อง : มีลาย,ไม่มีสีที่อุ้งเท้า,สีไม่สมดุลกัน
§ ข้อห้าม : มีสีขาวไม่ว่าที่ใด
o สีคาลิโก (CALICO) : มีจุดแต้มสีดำและแดงอมส้มบนสีขาวเท่าๆกัน สีสดใสและไม่มีลายหรือจุดอื่นๆ ถ้ามีแต้ม 3 สีควรจะอยู่บนศีรษะ,หู,แก้ม,หลัง,หางและส่วนของสีข้าง แต้มชัดเจน มีสีขาวสว่างก็จะดี บางทีจะมีลายบางๆบนแต้มสีครีม
§ หนังที่หุ้มจมูกและอุ้งเท้า : สีชมพูหรือสีดำ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ จุดบกพร่อง : เป็นลายหรือจุด,มีสีบนอุ้งเท้าอย่างละเท่าๆกัน
o สีคาลิโกอ่อน (DILUTE CALICO) : มีจุดแต้มสีเทาเข้มและสีครีมบนสีขาวเท่าๆกัน สีสดใสและไม่มีลายหรือจุดอื่นๆ ถ้ามีแต้ม 3 สีควรจะอยู่บนศีรษะ,หู,แก้ม, หลัง,หางและส่วนของสีข้าง แต้มชัดเจน มีสีขาวสว่างก็จะดี บางทีจะมีลายบางๆบนแต้มสีครีม
§ หนังที่หุ้มจมูกและอุ้งเท้า : สีน้ำเงินหรือสีชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ จุดบกพร่อง : เป็นลายหรือจุด,ทีสีบนอุ้งเท้าอย่างละเท่าๆกัน
o สีแวนคาลิโก (VAN CALICO) : แมวมีสีขาวกับจุดแต้มสีดำและแดงอมส้ม ขอบเขตถึงส่วนปลายของศีรษะ,หางและขา อาจจะมีจุดแต้มหนึ่งหรือสองสีก็ได้
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o สีแวนคาลิโกอ่อน (VAN DILUTE CALICO) : แมวมีสีขาวกับจุดแต้มสีเทาเข้มและสีครีม ขอบเขตถึงส่วนปลายของศีรษะ,หางและขา อาจจะมีจุดแต้มหนึ่งหรือสองสีก็ได้
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o สีเทาเข้ม-ครีม (BLUE-CREAM) : สีเทาเข้มกับสีครีมผสมกันอ่อนๆ ไม่มีจุดแต้ม
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีเทาเข้มหรือชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ผสม 2 สี (BI-COLOR) : สีดำกับขาว,เทาเข้มกับขาว,แดงอมส้มกับขาวหรือครีมกับขาว ควรจะมีสีขาวที่เท้า,ขา,อกและปาก
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ ข้อบกพร่อง : มีจุดหรือลาย
o สีแวนผสม 2 สี (VAN BI-COLOR) : สีดำกับขาว, เทาเข้มกับขาว,แดงอมส้มกับขาวและครีมกับขาว แมวสีขาวมีขอบเขตถึงส่วนปลายของศีรษะ,หางและขา อาจจะมีจุดแต้มหนึ่งหรือสองสีก็ได้
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o British Shorthair สีอื่นๆ : สีหรือลักษณะอื่นๆนั้นไม่นับรวมกับพันธุ์ผสมที่มีผลต่อสีช็อกโกแลต,ลาเวนเดอร์,ลักษณะหิมาลายันหรือมีสีขาวร่วมด้วย สีตา : เหมาะสมกับสีหลักของแมว
British Shorthair กำลังได้รับความนิยม มีผู้ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเพราะมันเป็นสัตว์ที่ดูเฉลียวฉลาด เป็นธรรมชาติ เป็นที่ชื่นชอบของผู้ฝึกสัตว์เพื่อใช้ในโฆษณาทางโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ฮอลลีวูด British Shorthair มีขนหนานุ่ม สวยงาม ง่ายต่อการแปลงขน ตกแต่งให้สะอาด มักชอบอยู่เงียบๆตัวเดียว แต่มีความสนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัว แมวที่มีขนาดใหญ่อย่างนี้จึงชอบที่จะอยู่บนพื้นมากกว่าการปีนป่ายหรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามพวกมันก็ดูเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของคนในครอบครัว รักเด็ก ขี้อายเล็กน้อย นิสัยเรียบร้อย ไม่ค่อยโวยวายเสียงดัง จนได้รับฉายาว่า “Cheshire Cat smile”
ลักษณะโดยทั่วไป :
รูปร่างขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สมส่วนและแข็งแรง ลำตัวลึก แผงอกแน่น ขาสั้นถึงปานกลาง อุ้งเท้ากลม หัวกลมโต หูปานกลาง คางกระชับ ตากลมโต จมูกสั้นกว้าง แต่ไม่สั้นแบบเปอร์เซีย ขนสั้นแน่น หางยาวปานกลาง โคนหางหนา ปลายหางกลมมน ตัวเมียมีขนาดเล็กว่าตัวผู้ซึ่งมีขากรรไกรล่างใหญ่กว่า สายพันธุ์นี้โตเต็มที่ช้า สีมีหลายสี แต่สีที่นิยมคือสีเทาเข้ม(Blue)
o ศีรษะ : กลมขนาดใหญ่ ใบหน้ากลมติดกับคอที่สั้นหนา ด้านหน้าของศีรษะแบนราบ ไม่ลาดเอียง
o จมูก : ขอบเขตกว้างปานกลาง
o คาง : กระชับ ในแนวเดียวกับจมูกและริมฝีปากบน
o ปาก : จุดหักของหน้า( stop ) กว้าง หนวดโค้งลง
o หู : เป็นส่วนที่สำคัญ ขนาดปานกลาง ฐานกว้าง ปลายกลมมนพอดีกับโครงร่างของศีรษะ
o ตา : กลมโต เปิดได้กว้าง
o ลำตัว : ขนาดปานกลางถึงขนาดใหญ่ หลังเป็นระนาบเดียวกันและอกกว้างลึก
o ขา : ขาสั้นถึงปานกลาง กระดูกแข็งแรง ได้สัดส่วนกับลำตัว ขาหน้าเหยียดตรง
o อุ้งเท้า : กลมและกระชับ นิ้วเท้า : ขาหน้ามี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว
o หาง : ยาวปานกลางสมส่วนกับลำตัว ฐานหนา ปลายกลม เรียวเล็กน้อย
o ขน : สั้นหนา ยืดหยุ่นและกระชับเมื่อจับ ไม่มี 2 ชั้น หรือปุยหยิกหนา
o สี : มีจุดสำคัญอยู่ 5 จุดที่ขนและ10 จุดลายแต้ม แมวจะมีลายสีเข้ม
จุดบกพร่อง : จุดหักของหน้า( stop) เด่นชัด ขนไร้สภาพ ขนยาวหรือสั้นเกินไป ขายาวและรูปร่างผอม
คุณสมบัติที่ต้องตัดสิทธิ์ : มีสีตาผิดลักษณะ ขอบตาสีเขียวเมื่อโตเต็มที่ หางบกพร่อง ขนยาวพอง จำนวนนิ้วไม่ถุกต้อง สีหรือเม็ดสีที่จมูกและที่อุ้งเท้าไม่เหมาะสม สุขภาพไม่ดี ป่วย ขากรรไกรบิดเบี้ยว การเรียงของฟันไม่ดีหรือฟันไม่สบกัน เป็นพันธุ์ผสมมีผลต่อสีขนช็อกโกแลต,ลาเวนเดอร์,ลักษณะหิมาลายันหรือมีสีขาวร่วมด้วย
สีของแมวพันธุ์ BRITISH SHORTHAIR
o สีขาว (WHITE) : สีขาวล้วน ปลายเส้นขนไม่เป็นสีเหลือง
§ สีตา : สีน้ำเงินเข้ม,สีทองหรือสีทองแดง แมวสีขาวอาจจะมีตาสีน้ำเงินเข้มข้างหนึ่งและสีทองอีกข้างหนึ่ง
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีชมพู
o สีดำ (BLACK) : ขนสีดำทั้งเส้นไม่มีสีน้ำตาลเเดงแต้ม ไม่มีขนสีขาว
§ หนังที่จมูก : สีดำ
§ หนังที่อุ้งเท้า : สีดำหรือน้ำตาล
§ สีตา : สีทองหรือทองแดงไม่มีสีเขียว
§ สีเทาเข้ม (BLUE) : สีเทาอ่อนถึงปานกลาง ไม่มีลายหรือสีขาวปน
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีเทาเข้ม
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o สีแดงอมส้ม (RED) : สีแดงเข้ม,สีแดงสว่าง ไม่มีสีขาวปน
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีแดงอิฐ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ ข้อห้าม : มีลาย
o สีครีม (CREAM) : สีครีมเข้ม ไม่มีสีขาวปน
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ ข้อห้าม : มีลาย
o สีเทาควัน (SMOKE) : สีเงิน ปลายขนอาจจะมีสีเทาเข้ม-ครีมหรือสีกระ ผิวหนังเป็นสีขาวหรือสีน้ำเงินจาง เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : คล้ายกับสีขน
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o สีดำเงา (SHADED) : แมวพันธุ์ British Shorthair นี้ มีสีเงินในแบบต่างๆ สีจะอยู่เฉพาะที่ปลายขนและจะจางลงเกือบเป็นสีขาวที่โคนขน ขนที่หลัง,สีข้าง,ศีรษะ,หูและหาง ควรจะมีสีที่ปลายขน ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญยิ่ง การมีปลายขนสีเข้มก็ไม่ถือว่าเป็นจุดบกพร่องและไม่มีลายที่ปลายขน ความจริงแล้วแมวควรมีสีอ่อนๆจนเกือบขาว สีจางลงเรื่อยๆจนถึงอุ้งเท้า ที่คาง,ท้อง,อกและใต้หาง ถ้าสีจางเท่าไรก็ยิ่งดี
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สอดคล้องกับสีขน ผสมสีชมพูหรือสีแดงอิฐและสีเทาเข้ม-ครีม
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง นอกจากขนเป็นสีเงินเงาซึ่งสีตาจะเป็นสีเขียวเท่านั้น
o สีทองเงา (SHADED GOLDEN) : โคนขนมีสีครีมเข้มที่ปลายขนมีสีดำ,สีน้ำตาลเข้ม ขนที่หลัง,สีข้าง,ศีรษะ,หูและหาง ควรจะมีสีที่ปลายขน ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญยิ่ง สีจางลงเรื่อยๆจนถึงอุ้งเท้า ส่วนที่คาง,ท้อง,อกและใต้หางเป็นสีแอพริคอทจางๆ
§ หนังที่จมูก : สีแดงอิฐ ขอบสีดำหรือน้ำตาลเข้ม
§ อุ้งเท้า : สีดำหรือน้ำตาลเข้ม
§ สีตา : สีเขียว
o ลักษณะลายแบบคลาสสิก (CLASSIC TABBY PATTERN) : มีจุดสีเข้ม กว้าง ชัดเจน หางมีลายเป็นวงแหวน มีลายเหมือนสร้อยคอที่คอและเหนืออกขึ้นมา คิ้วด้านหน้าศีรษะเป็นรูปตัว M ลายหมุนวนที่แก้ม เป็นแนวตั้งด้านบนศีรษะถึงไหล่ซึ่งมีรูปร่างเหมือนปีกผีเสื้อทั้งด้านเหนือและใต้ปีกลายเส้นเด่นชัดและมีจุดภายในลายเส้น จุดแต้มที่หลังประกอบด้วยเส้นในแนวตั้งลงมาจากแนวกระดูกสันหลังตั้งแต่ผีเสื้อถึงหางและแถบยาวขนานไปทั้งสองข้างลำตัว จะมี 3 แถบสลับแยกจากสีพื้นออกมา มีจุดด่างดวงขนาดใหญ่ล้อมรอบ ทั้งสองข้างลำตัวนั้นควรจะเหมือนกัน มีเส้นในแนวตั้ง 1 คู่อยู่ที่สะโพกและท้อง
§ จุดบกพร่อง : เป็นลายหรือจุด
§ ข้อห้าม : มีสีขาวไม่ว่าที่ใด
o ลักษณะลายแบบแม็คเคอเร็ล (MACKEREL TABBY PATTERN) : มีจุดสีเข้ม ชัดเจนและลายแคบ ขาเป็นลายเหมือนสร้อยข้อเท้าแคบๆ หางมีลายเป็นแถบ มีลายเหมือนสร้อยคอที่คอและอกชัดเจนเป็นลูกโซ่หลายๆอัน ด้านหน้าศีรษะเป็นรูปตัว M เป็นเส้นต่อเนื่องถึงด้านหลังตา ลงไปถึงหัวไหล่
§ จุดบกพร่อง : เป็นลายหรือจุด ลักษณะแม็คเคอเร็ลจะไม่มีลายเส้นทั้งสองข้างของลำตัว
§ ข้อห้าม : มีสีขาว
o ลักษณะลายจุด (SPOTTED TABBY PATTERN) : มีจุดชัดเจน เป็นวงกลม,รีหรือรูปร่างเหมือนดอกกุหลาบ ศีรษะเหมือนลักษณะลายแบบคลาสสิก ลำตัว,หางและขามีจุดชัดเจน ตัวสีเงินมีจุดสีดำ,สีน้ำตาลกับดำ,ตัวสีแดงอมส้มมีจุดแดงอมส้มเข้มหรือสีพื้นจะเป็นสีอะไรก็ได้ให้เหมาะกับสีของจุด
§ สีตา : เหมือนแบบคลาสสิก
§ จุดบกพร่อง : มีจุดหรือลายไม่ชัดเจนทั้งสองข้างของลำตัว
§ ข้อห้าม : มีสีขาวไม่ว่าที่ใด
o ลายสีเงิน (SILVER TABBY) : สีเงินเป็นสีพื้น รวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีเงินอ่อน มีจุดสีดำเข้ม
§ หนังที่จมูก : สีแดงอิฐ
§ อุ้งเท้า : สีดำ
§ สีตา : สีน้ำตาลอ่อนอมเขียว
o ลายแต้มสีเงิน (SILVER PATCHED TABBY) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) สีพื้นจาง มีจุดสีดำเข้ม แถบสีแดงอมส้มหรือสีแดงอมส้มอ่อนผสมบนลำตัวและที่ขา
§ หนังที่จมูก : สีแดงอิฐ
§ อุ้งเท้า : สีดำหรือสีแดงอิฐ
§ สีตา : สีทองสว่าง,เขียวหรือน้ำตาลอ่อนอมเขียว
o ลายแต้มสีเงินและขาว (SILVER PATCHED TABBY AND WHITE) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) เหมือนลายแต้มสีเงิน แต่มีจุดสีขาวบนหน้า
§ ลายสีแดงอมส้ม (RED TABBY) : สีแดงอมส้มเป็นสีพื้น รวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีแดงเข้ม
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีแดงอิฐ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายสีน้ำตาล (BROWN TABBY) : สีน้ำตาลสว่างเป็นสีพื้น จุดสีดำเข้ม ริมฝีปากและคางมีสีเดียวกับบริเวณรอบดวงตา ขาหลังเป็นสีดำตั้งแต่อุ้งเท้าถึงส้น
§ หนังที่จมูก : สีน้ำตาลอิฐ
§ อุ้งเท้า : สีดำหรือสีน้ำตาล
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายแต้มสีน้ำตาล (BROWN PATCHED TABBY) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) สีน้ำตาลสว่างเป็นสีพื้น มีจุดสีดำเข้ม มีสีแดงแต้มหรือสีแดงอ่อนผสมบนลำตัวและขา
§ หนังที่จมูก : สีแดงอิฐ
§ อุ้งเท้า : สีดำหรือสีแดงอิฐ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายแต้มสีน้ำตาลและขาว (BROWN PATCHED TABBY AND WHITE) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) เหมือนลายแต้มสีน้ำตาล แต่มีจุดสีขาวบนหน้า
o ลายสีเทาเข้ม (BLUE TABBY) : สีเทาเข้มเป็นสีพื้น รวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีงาช้างอ่อนๆ(bluish ivory) มีจุดสีเทาเข้มตัดกับสีพื้น มีสีน้ำตาลอมเหลืองหรือทองแดงแทรก
§ หนังที่จมูก : สีแดงกุหลาบ
§ อุ้งเท้า : สีแดงกุหลาบ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายแต้มสีเทาเข้ม (BLUE PATCHED TABBY) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) สีงาช้างอ่อนๆ(bluish ivory)เป็นสีพื้น มีจุดสีเทาเข้มตัดกับสีพื้น มีสีครีมแต้มหรือผสมบนลำตัวและขา มีสีน้ำตาลอมเหลืองหรือทองแดงแทรก
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีแดงกุหลาบหรือชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ลายแต้มสีเทาเข้มและขาว (BLUE PATCHED TABBY AND WHITE) : คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) เหมือนลายแต้มสีเทาเข้ม แต่มีจุดสีขาวบนหน้า
o ลายสีครีม (CREAM TABBY) : สีครีมเป็นสีพื้น รวมทั้งริมฝีปากและคางเป็นสีครีมอ่อน มีจุดสีน้ำตาลอ่อนหรือครีมซึ่งเข้มกว่าสีพื้น
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ จุดบกพร่อง : มีลาย,มีสีต่อกันถึงอุ้งเท้า,จุดแต้มสีเข้ม
§ ข้อห้าม : มีสีขาว
o สีขาวมีลาย (TABBY AND WHITE) : (คลาสสิก,แม็คเคอเร็ล,จุด) ลายสีเทาเข้ม,ครีม,แดงอมส้ม,เงิน,น้ำตาลกับขาว ควรจะมีสีขาวที่เท้า,ขา,อกและปาก
o สีกระ (TORTOISESHELL) : สีดำและสีแดงอมส้มเข้มผสมกันอ่อนๆ ชัดเจน แต่ต้องไม่มีสีแต้มอื่นๆ หรือเป็นสีแดงอมส้มเข้มอย่างเดียวเท่านั้น
§ หนังที่หุ้มจมูกและอุ้งเท้า : สีชมพูหรือสีดำ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ จุดบกพร่อง : มีลาย,ไม่มีสีที่อุ้งเท้า,สีไม่สมดุลกัน
§ ข้อห้าม : มีสีขาวไม่ว่าที่ใด
o สีคาลิโก (CALICO) : มีจุดแต้มสีดำและแดงอมส้มบนสีขาวเท่าๆกัน สีสดใสและไม่มีลายหรือจุดอื่นๆ ถ้ามีแต้ม 3 สีควรจะอยู่บนศีรษะ,หู,แก้ม,หลัง,หางและส่วนของสีข้าง แต้มชัดเจน มีสีขาวสว่างก็จะดี บางทีจะมีลายบางๆบนแต้มสีครีม
§ หนังที่หุ้มจมูกและอุ้งเท้า : สีชมพูหรือสีดำ
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ จุดบกพร่อง : เป็นลายหรือจุด,มีสีบนอุ้งเท้าอย่างละเท่าๆกัน
o สีคาลิโกอ่อน (DILUTE CALICO) : มีจุดแต้มสีเทาเข้มและสีครีมบนสีขาวเท่าๆกัน สีสดใสและไม่มีลายหรือจุดอื่นๆ ถ้ามีแต้ม 3 สีควรจะอยู่บนศีรษะ,หู,แก้ม, หลัง,หางและส่วนของสีข้าง แต้มชัดเจน มีสีขาวสว่างก็จะดี บางทีจะมีลายบางๆบนแต้มสีครีม
§ หนังที่หุ้มจมูกและอุ้งเท้า : สีน้ำเงินหรือสีชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ จุดบกพร่อง : เป็นลายหรือจุด,ทีสีบนอุ้งเท้าอย่างละเท่าๆกัน
o สีแวนคาลิโก (VAN CALICO) : แมวมีสีขาวกับจุดแต้มสีดำและแดงอมส้ม ขอบเขตถึงส่วนปลายของศีรษะ,หางและขา อาจจะมีจุดแต้มหนึ่งหรือสองสีก็ได้
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o สีแวนคาลิโกอ่อน (VAN DILUTE CALICO) : แมวมีสีขาวกับจุดแต้มสีเทาเข้มและสีครีม ขอบเขตถึงส่วนปลายของศีรษะ,หางและขา อาจจะมีจุดแต้มหนึ่งหรือสองสีก็ได้
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o สีเทาเข้ม-ครีม (BLUE-CREAM) : สีเทาเข้มกับสีครีมผสมกันอ่อนๆ ไม่มีจุดแต้ม
§ หนังที่จมูกและที่อุ้งเท้า : สีเทาเข้มหรือชมพู
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o ผสม 2 สี (BI-COLOR) : สีดำกับขาว,เทาเข้มกับขาว,แดงอมส้มกับขาวหรือครีมกับขาว ควรจะมีสีขาวที่เท้า,ขา,อกและปาก
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
§ ข้อบกพร่อง : มีจุดหรือลาย
o สีแวนผสม 2 สี (VAN BI-COLOR) : สีดำกับขาว, เทาเข้มกับขาว,แดงอมส้มกับขาวและครีมกับขาว แมวสีขาวมีขอบเขตถึงส่วนปลายของศีรษะ,หางและขา อาจจะมีจุดแต้มหนึ่งหรือสองสีก็ได้
§ สีตา : สีทองหรือทองแดง
o British Shorthair สีอื่นๆ : สีหรือลักษณะอื่นๆนั้นไม่นับรวมกับพันธุ์ผสมที่มีผลต่อสีช็อกโกแลต,ลาเวนเดอร์,ลักษณะหิมาลายันหรือมีสีขาวร่วมด้วย สีตา : เหมาะสมกับสีหลักของแมว
แมวพันธุ์ Scottish Fold ลักษณะประจำพันธุ์
Susie คือ Scottish Fold ตัวแรกที่ถูกค้นพบในปี 1961 ในเขต Tayside ของ Scotland ในฟาร์มใกล้ๆ Coupar Angus มีลักษณะเป็นแมวสีขาวที่มีหูพับไปมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ ใบหน้ามีลักษณะคล้าย นกฮูก หรือ หน้าของตัวนาก ผู้ที่สังเกตเห็นคนแรกคือ William Ross มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ Williamและภรรยาเป็นคนที่รักแมวมาก และทั้งคู่สนใจ Susie มาก เมื่อ Susieออกลูกเป็นลูกแมวหูพับ 2 ตัว ครอบครัว Ross จึงของลูกแมวตัวเมียตัวหนึ่งมาเลี้ยง ได้ตั้งชื่อว่า Snooks ลูกของ Snooks เป็นสายพันธุ์ที่มาจาก British Shorthair และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์ Scottish Fold ในเวลานี้ สายพันธุ์นี้ได้รับการจดทะเบียน จาก The Governing Council of the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษ
ในช่วงปี 1960 Pat Turner นักพันธุศาสตร์ และ cat breeder เป็นผู้หนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์นี้ ในช่วง 3 ปี มีลูกแมวเกิด 76 ตัว 42 ตัวเป็น พวกหูพับ อีก 34 ตัว เป็นพวกหูตั้ง เธอได้ร่วมกับ Peter Dyte นักพันธุศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ลงความเห็นว่า ลักษณะหูพับกลายเป็นลักษณะเด่น นั่นหมายถึงถ้าลูกแมวได้รับการถ่ายทอดยีนจากพวกที่มีหูตั้ง และพวกที่มีหูพับ ลูกแมวตัวนั้นจะมีลักษณะหูพับ
Susie ต้นกำเนิดของสายพันธุ์ หูมีลักษณะการพับแบบหลวมๆ ปลายหูพับลงมาด้านหน้าประมาณครึ่งหนึ่ง รูปแบบนี้ เรียกว่า single fold และในปัจจุบันยังมีหูพับแบบ triple fold ด้วย คนเลี้ยงแมวบางส่วนในประเทศอังกฤษมีความเชื่อว่า แมวพันธุ์นี้อาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อโรคทางหู และ มีโอกาสในการเป็นหูหนวกสูง พวกเขาจึงร่วมมือกันต่อต้านการจดทะเบียนของ Scottish Fold ใน Great Britain และ Europe
Mrs. Ross ได้นำแมวหูพับบางส่วนของเธอจัดส่งไปให้ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ Neil Todd นักพันธุศาสตร์ ใน Newtonville คอกแรกที่เกิดในอเมริกา เกิดวันที่ 30 พฤศจิกายน 1971 หลังการค้นคว้าเสร็จสิ้นลง ลูกแมวหูพับบางส่วนได้รับการยอมรับจาก CFA
Shorthair Scottish Folds ได้รับการจดทะเบียนจาก ACA ในปี 1973 และ จาก ACFA, CFA ในปี 1974 สถาบัน TICA เป็นที่แรกที่จดบันทึกว่า Longhairs ชนะเลิศการประกวด ในปี 1987-88 และชนะของ CFA ในปี 1993-94
ถึงแม้ว่าครอบครัว Ross จะล้มเลิกความพยายามในการทำให้ประเทศของเขายอมรับแมวสายพันธุ์นี้ แต่พวกเขาได้รับการยกย่องในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นผู้ค้นพบแมวพันธุ์ Scottish Fold
ลักษณะโดยทั่วไปของ Scottish Fold
· Scottish Fold เป็นแมวขนาดกลาง ในช่วง 2 ทศวรรษ ที่ผ่านมาได้พัฒนาจนมีลักษณะเฉพาะตัวของสายพันธุ์
ตัวผู้ มีน้ำหนัก ประมาณ 9-13 ปอนด์
ตัวเมีย มีน้ำหนัก ประมาณ 6-9 ปอนด์
· ลักษณะตัวกลม หัวกลม มีช่วงคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ มีช่องกว้าง และแสดงออกถึงความสดใส ความหวาน พวก Fold นี้ สามารถมีหูที่มีลักษณะตั้งตรงขนาดกลางได้ไปจนถึง หูพับขนาดเล็ก ที่มีมุมพับกว้าง ปลายหูส่วนใหญ่จะกลม หูของลูกแมวจะเริ่มพับในช่วง2-3 อาทิตย์แรก มีคางที่กลมมน จมูกสั้นโค้ง กว้าง เพื่อรับกับดวงตา บางครั้งปากจะโค้งรับกับคางที่โค้งทำให้ ได้ฉายาว่า smiling cat หรือ แมวยิ้ม ดังที่แสดงในภาพ Scottish Fold จะมีลักษณะกลมทั้งตัว
· Scottish Fold มี 2 แบบ คือ แบบ Shorthair และ Longhair พวก Longhaired Scottish Fold มีขนยาวขนาดกลาง ในตัวผู้มีขนหางเป็นพวงใหญ่ที่สวยงาม สีของสายพันธุ์นี้ สามารถพบได้หลายสี โดยเฉพาะสีน้ำตาล และสีขาว เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ลักษณะนิสัย
Scottish Fold เป็นแมวที่ไม่ค่อยส่งเสียง มักจะชอบที่จะคอยดูแลควบคุมในสิ่งที่เจ้าของกำลังทำอยู่ เป็นแมวที่ชอบทำกิจกรรมในระดับปานกลาง พวกมันชอบที่จะเล่นโดยเฉพาะถ้ามีเจ้าของของมันร่วมเล่นด้วย Folds บางตัวอาจที่จะไม่ชอบนอนบนตัก แต่พวกมันชอบที่จะอยู่ใกล้ๆกับเจ้าของ
Scottish Fold ชอบที่จะนอนแผ่แบนบนหลังของมัน และมักพบมันในท่า sitting up ซึ่งดูเหมือนตัวนาก
แมวพันธุ์ Singapura ถิ่นกำเนิดของ Singapura
ชื่อพันธุ์ Singapura ตั้งตามถิ่นกำเนิดของแมวคือประเทศสิงคโปร์ นับว่าเป็นหนึ่งในชนิดที่หายาก และถือว่าพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย โดยมีนำหนักประมาณ 4-9 ปอนด์ และมีเพียงสี Sepia agouti เท่านั้น คือสีน้ำตาลแต้มบนสีงาช้าง มีเพียงหน้าและขาด้านในที่มีแถบสีเข้มอยู่เป็นแถบประวัต
แมวพันธุ์ Singapura เป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองของสิงคโปร์ และมีจำนวนไม่มาก บางครั้งถูกเรียกว่า Drain cat เนื่องจากอาศัยอยู่ตามท้องถนน แต่ลักษณะเฉพาะตัวของมันได้ไปต้องตา Hal กับ Tommy Meadow ขณะที่เขาได้อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ และได้ถูกนำเข้าไปในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี 1971 และนำเข้าเรื่อยมาตั้งแต่ปี 1980 Singapura ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จนเป็นที่รู้จักและได้รับรางวัลในปี 1988 และเนื่องจากไม่นิยมผสมข้ามพันธุ์ จึงมีเพียง 2000 ตัวในโลก
ลักษณะโดยทั่วไป
โดยทั่วไป เป็นแมวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ร่าเริง แข็งแรง มีใบหูและดวงตาที่ใหญ่ และสีสันที่งดงาม แมวตัวเมียโตเต็มวัยอาจหนักเพียง 4 ปอนด์ขณะที่ตัวผู้อาจหนักถึง 6 ปอนด์ แม้ตัวเล็กแต่พวกมันก็ล่ำสัน กระฉับกระเฉง แข็งแรง ไม่ใช่พวกขี้โรคหรือบอบบาง
ศีรษะ กะโหลกกลม ระยะห่างตาพอดี ปากและจมูกกลมมน โหนกแก้มสูง
ใบหู ใหญ่และบอบบาง ฐานเปิดกว้าง เหมือนถ้วยก้นลึก ขอบใบหูแหลมเป็นมุม
ตา ดวงตาใหญ่ กลมรีเหมือนเมล็ดอัลมอน สี Hazel เขียว หรือเหลือง เท่านั้น มีเส้นสีดำ
ลำตัว ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เมื่อลำตัว ขากับพื้นจะเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยม ล่ำสัน กระฉับกระเฉง
ลำคอ สั้น หนา พุ่งตรงไปข้างหน้า
ขาและเท้า อุ้งเท้าเล็ก ฝ่าเท้าสีน้ำตาลแดง มีขนสีน้ำตาลระหว่างนิ้วเท้า ตัดกับขาสีงาช้าง
หาง ยาวประมาณไหล่เมื่อวางพาดลำตัว ตั้งตรงไม่คดงอ ปลายมน
ขน ขนสั้นเกรียนติดผิวหนัง เรียบลื่นและแวววาว คล้ายกับที่พบในแมวพันธุ์ Abyssinian กระต่าย กระรอก ตัวโกเฟอร์ มีแถบสีที่ขาหน้าด้านในและเข่าหลัง
เสียง นุ่มและกังวาน
ลักษณะที่ให้โทษ เหลือบขนสีเทา โคนขนสีเทา แถบสีที่ขาหน้าด้านนอก มีเส้นรอบคอ ไม่มี Cheetah line หางเสียแต่ไม่เป็นที่สังเกต
ลักษณะที่ไม่คัดเลือก มีจุดขาว แถบสีที่หาง กระหม่อมบาง มีแถบที่คอไม่ครบหรือแถบรอบขา มีหูหรือดวงตาที่เล็กมากๆ หางเสีย ตาสีฟ้า สีขนสีอื่นนอกจากสี Sepia agouti
ลักษณะสีขน
มีเพียงสี Sepia agouti เท่านั้น คือสีน้ำตาลเข้มแต้มบนพื้นสีงาช้าง โดยแต้มสีน้ำตาลสลับกับแต้มสีงาช้างในเส้นขน ปลายขนสีเข้ม ปลายหางสีเข้ม ปากและจมูก แก้ม อก ท้อง และโคนขนเป็นสีผ้ามัสลินที่ยังไม่ฟอก บริเวณขาหน้าด้านในและเข่าด้านนอก มีแถบสีเข้มเป็นแถบๆ ซึ่งจะไม่พบในลูกแมว ขนระหว่างนิ้วเท้าเป็นสีน้ำตาล บริเวณหน้า คิ้วและมุมตาด้านนอกขอบตา ริมฝีปาก เครา เส้นจมูก สีน้ำตาลเข้ม มีเส้น Cheetah line จากมุมด้านในไปดั้งจมูก โหนกแก้มด้วยเช่นกัน จมูกสีชมพูอ่อนถึงแก่ ฝ่าเท้าสีน้ำตาลแดง
ลักษณะนิสัย
เป็นแมวที่ชอบความอบอุ่น นักล่าที่ดี ร่าเริง มีชีวิตชีวา สนใจสิ่งรอบข้าง ฉลาด ชอบอยู่ใกล้คนและไม่ก้าวร้าวกับสัตว์อื่น ชอบเล่นอะไรแปลก ๆ ชอบท่องเที่ยว ชอบนอนบนตัวคนและชอบอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
ปัญหาสุขภาพ
ไม่มีปัญหาเรื่องพันธุกรรม
การซื้อขาย
เนื่องจากแมวพันธุ์ Singapura เป็นพันธุ์ที่หายาก ราคาของแมวจะขึ้นอยู่กับชนิด แถบสีบนตัว ลักษณะและสายพันธุ์ซึ่งรองรับโดย Grand Champion (GC), National or Regional winning parentage (NW or RW) or of Distinguished Merit parentage (DM) นักผสมพันธุ์จะคัดเลือกลูกแมวอายุ 12 สัปดาห์มาฝึก พัฒนาลักษณะและความเสถียรภาพทางอารมณ์เพื่อให้คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมใหม่ การแสดงตัวหรือการขนส่งทางอากาศ
การเข้าร่วมสมาคม
แมวพันธุ์ Singapura ได้รับการยอมรับจากสถาบันแมวมากมาย
มาตรฐาน
ตามมาตรฐานของ TICA (The International Cat Association)
รูปร่างศีรษะ กะโหลกต้องกลม ไม่โดม ไม่แบน ดวงตาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม รูปร่างของศีรษะเป็นส่วนที่มีน้ำหนักมากที่สุดในการตัดสิน อาจยกเว้นเรื่องกรามในแมวตัวผู้ที่โตเต็มวัยแล้ว
หู ใหญ่ ชี้ในทิศทางที่เหมาะสม ฐานกว้างเหมือนถ้วยก้นลึก ซึ่งเหมาะกับลักษณะที่ใหญ่ ขนหลังใบหูสีอ่อน
ดวงตา ดวงตาใหญ่ รูปร่างรีเหมือนเม็ดอัลมอนด์ หนังตาสีเข้มขอบสีอ่อน ลายบนหน้าขับความเด่นให้ดวงตา ระยะห่างตาเหมาะสม ไม่แคบเกินไป สีตาต้องเป็นสีเขียว หรือสีเขียวคาเลโดเนีย สี Hazel สีทอง หรือทองแดง ไม่ใช่สีฟ้า เทา หรือฟ้าใส
แก้ม กลมมน
ปากและจมูก สั้นพอดีกัน จมูกมน ไม่เรียวหรือชี้ หรือเหมือนหมาป่า โหนกแก้มสูง
โครงร่าง สั้น
ลำคอ สั้นและหนา
ตัว กลางถึงเล็ก ลำตัว ขาและพื้นควรมองดูเป็นรูปสี่เหลี่ยมเมื่อมองจากไหล่ไปยังโคนหาง ขอบซี่โครงกลม หลังลาด
ขาและเท้า ขาหนักและสมส่วน เท้าเล็ก มน
หาง ยาวต่ำกว่าไหล่เมื่อวัดเทียบกับลำตัว พุ่งตรง เรียว ไม่คดงอ และปลายมน
กระดูก กล้ามเนื้อ ล่ำสันแต่ไม่อ้วน น้ำหนักไม่เกินพอดี คอและอกสมส่วน อาจจะเห็นสะโพกตรงเมื่อเทียบกับคอและไหล่ สิ่งนี้ไม่นับว่าผิดปกติในแมวรุ่น
ความยาวและผิว เรียบติดลำตัว ไม่มีจุดสี ขนลูกแมวอาจยาว
ลาย ลายหนา แต้มสีอ่อนและเข้มทั่วไป โคนขนสีอ่อน ปลายสีเข้ม มีลายที่หลัง ที่ว่างระหว่างหูควรมีสีเข้มและหนา ขนหน้าท้องบาง ความหนาของขนที่เป็นบางช่วงถือเป็นลักษณะเด่นของพันธุ์ มีแถบบนขาหน้าด้านในและเข่าซึ่งเป็นลักษณะเด่นเช่นกัน เห็นได้ชัดเมื่อโตเต็มวัย แถบด้านนอกขาหน้าถือว่าผิดปกติ มี Cheetah line ที่เห็นได้ชัด อาจพบลายตัว M บนหัว
สี สีพื้นสีงาช้างจนออกเหลือง ปากและจมูก แก้ม อก ท้อง และโคนขนเป็นสีผ้ามัสลินที่ยังไม่ฟอก จมูก สีชมพูอ่อนถึงแก่ บริเวณหน้า คิ้วและมุมตาด้านนอกขอบตา ริมฝีปาก เครา เส้นจมูก สีน้ำตาลเข้ม ฝ่าเท้าสีน้ำตาลเข้มโทนแดง ขนระหว่างนิ้วเท้าเป็นสีน้ำตาล ปลายหางสีเข้ม หูและดั้งจมูกสีชมพูแก่
ลักษณะที่เด่นคือสีเข้ม ประกายสว่าง แถบสีตัดกันอย่างชัดเจน ต้องไม่มีโทนสีเทา อาจยกเว้นได้ในลูกแมวซึ่งจะหายไปตามอายุ
http://www.catsinfo.com
http://www.felinebreeds.com
http://www.felinerescue.net
http://www.cfainc.org
http://www.plant-pets.com
http://www.thesingapuracat.50megs.com
http://www.singapuracatclub.co.uk
ในช่วงปี 1960 Pat Turner นักพันธุศาสตร์ และ cat breeder เป็นผู้หนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์นี้ ในช่วง 3 ปี มีลูกแมวเกิด 76 ตัว 42 ตัวเป็น พวกหูพับ อีก 34 ตัว เป็นพวกหูตั้ง เธอได้ร่วมกับ Peter Dyte นักพันธุศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ลงความเห็นว่า ลักษณะหูพับกลายเป็นลักษณะเด่น นั่นหมายถึงถ้าลูกแมวได้รับการถ่ายทอดยีนจากพวกที่มีหูตั้ง และพวกที่มีหูพับ ลูกแมวตัวนั้นจะมีลักษณะหูพับ
Susie ต้นกำเนิดของสายพันธุ์ หูมีลักษณะการพับแบบหลวมๆ ปลายหูพับลงมาด้านหน้าประมาณครึ่งหนึ่ง รูปแบบนี้ เรียกว่า single fold และในปัจจุบันยังมีหูพับแบบ triple fold ด้วย คนเลี้ยงแมวบางส่วนในประเทศอังกฤษมีความเชื่อว่า แมวพันธุ์นี้อาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อโรคทางหู และ มีโอกาสในการเป็นหูหนวกสูง พวกเขาจึงร่วมมือกันต่อต้านการจดทะเบียนของ Scottish Fold ใน Great Britain และ Europe
Mrs. Ross ได้นำแมวหูพับบางส่วนของเธอจัดส่งไปให้ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ Neil Todd นักพันธุศาสตร์ ใน Newtonville คอกแรกที่เกิดในอเมริกา เกิดวันที่ 30 พฤศจิกายน 1971 หลังการค้นคว้าเสร็จสิ้นลง ลูกแมวหูพับบางส่วนได้รับการยอมรับจาก CFA
Shorthair Scottish Folds ได้รับการจดทะเบียนจาก ACA ในปี 1973 และ จาก ACFA, CFA ในปี 1974 สถาบัน TICA เป็นที่แรกที่จดบันทึกว่า Longhairs ชนะเลิศการประกวด ในปี 1987-88 และชนะของ CFA ในปี 1993-94
ถึงแม้ว่าครอบครัว Ross จะล้มเลิกความพยายามในการทำให้ประเทศของเขายอมรับแมวสายพันธุ์นี้ แต่พวกเขาได้รับการยกย่องในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นผู้ค้นพบแมวพันธุ์ Scottish Fold
ลักษณะโดยทั่วไปของ Scottish Fold
· Scottish Fold เป็นแมวขนาดกลาง ในช่วง 2 ทศวรรษ ที่ผ่านมาได้พัฒนาจนมีลักษณะเฉพาะตัวของสายพันธุ์
ตัวผู้ มีน้ำหนัก ประมาณ 9-13 ปอนด์
ตัวเมีย มีน้ำหนัก ประมาณ 6-9 ปอนด์
· ลักษณะตัวกลม หัวกลม มีช่วงคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ มีช่องกว้าง และแสดงออกถึงความสดใส ความหวาน พวก Fold นี้ สามารถมีหูที่มีลักษณะตั้งตรงขนาดกลางได้ไปจนถึง หูพับขนาดเล็ก ที่มีมุมพับกว้าง ปลายหูส่วนใหญ่จะกลม หูของลูกแมวจะเริ่มพับในช่วง2-3 อาทิตย์แรก มีคางที่กลมมน จมูกสั้นโค้ง กว้าง เพื่อรับกับดวงตา บางครั้งปากจะโค้งรับกับคางที่โค้งทำให้ ได้ฉายาว่า smiling cat หรือ แมวยิ้ม ดังที่แสดงในภาพ Scottish Fold จะมีลักษณะกลมทั้งตัว
· Scottish Fold มี 2 แบบ คือ แบบ Shorthair และ Longhair พวก Longhaired Scottish Fold มีขนยาวขนาดกลาง ในตัวผู้มีขนหางเป็นพวงใหญ่ที่สวยงาม สีของสายพันธุ์นี้ สามารถพบได้หลายสี โดยเฉพาะสีน้ำตาล และสีขาว เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ลักษณะนิสัย
Scottish Fold เป็นแมวที่ไม่ค่อยส่งเสียง มักจะชอบที่จะคอยดูแลควบคุมในสิ่งที่เจ้าของกำลังทำอยู่ เป็นแมวที่ชอบทำกิจกรรมในระดับปานกลาง พวกมันชอบที่จะเล่นโดยเฉพาะถ้ามีเจ้าของของมันร่วมเล่นด้วย Folds บางตัวอาจที่จะไม่ชอบนอนบนตัก แต่พวกมันชอบที่จะอยู่ใกล้ๆกับเจ้าของ
Scottish Fold ชอบที่จะนอนแผ่แบนบนหลังของมัน และมักพบมันในท่า sitting up ซึ่งดูเหมือนตัวนาก
แมวพันธุ์ Singapura ถิ่นกำเนิดของ Singapura
ชื่อพันธุ์ Singapura ตั้งตามถิ่นกำเนิดของแมวคือประเทศสิงคโปร์ นับว่าเป็นหนึ่งในชนิดที่หายาก และถือว่าพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย โดยมีนำหนักประมาณ 4-9 ปอนด์ และมีเพียงสี Sepia agouti เท่านั้น คือสีน้ำตาลแต้มบนสีงาช้าง มีเพียงหน้าและขาด้านในที่มีแถบสีเข้มอยู่เป็นแถบประวัต
แมวพันธุ์ Singapura เป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองของสิงคโปร์ และมีจำนวนไม่มาก บางครั้งถูกเรียกว่า Drain cat เนื่องจากอาศัยอยู่ตามท้องถนน แต่ลักษณะเฉพาะตัวของมันได้ไปต้องตา Hal กับ Tommy Meadow ขณะที่เขาได้อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ และได้ถูกนำเข้าไปในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี 1971 และนำเข้าเรื่อยมาตั้งแต่ปี 1980 Singapura ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จนเป็นที่รู้จักและได้รับรางวัลในปี 1988 และเนื่องจากไม่นิยมผสมข้ามพันธุ์ จึงมีเพียง 2000 ตัวในโลก
ลักษณะโดยทั่วไป
โดยทั่วไป เป็นแมวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ร่าเริง แข็งแรง มีใบหูและดวงตาที่ใหญ่ และสีสันที่งดงาม แมวตัวเมียโตเต็มวัยอาจหนักเพียง 4 ปอนด์ขณะที่ตัวผู้อาจหนักถึง 6 ปอนด์ แม้ตัวเล็กแต่พวกมันก็ล่ำสัน กระฉับกระเฉง แข็งแรง ไม่ใช่พวกขี้โรคหรือบอบบาง
ศีรษะ กะโหลกกลม ระยะห่างตาพอดี ปากและจมูกกลมมน โหนกแก้มสูง
ใบหู ใหญ่และบอบบาง ฐานเปิดกว้าง เหมือนถ้วยก้นลึก ขอบใบหูแหลมเป็นมุม
ตา ดวงตาใหญ่ กลมรีเหมือนเมล็ดอัลมอน สี Hazel เขียว หรือเหลือง เท่านั้น มีเส้นสีดำ
ลำตัว ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เมื่อลำตัว ขากับพื้นจะเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยม ล่ำสัน กระฉับกระเฉง
ลำคอ สั้น หนา พุ่งตรงไปข้างหน้า
ขาและเท้า อุ้งเท้าเล็ก ฝ่าเท้าสีน้ำตาลแดง มีขนสีน้ำตาลระหว่างนิ้วเท้า ตัดกับขาสีงาช้าง
หาง ยาวประมาณไหล่เมื่อวางพาดลำตัว ตั้งตรงไม่คดงอ ปลายมน
ขน ขนสั้นเกรียนติดผิวหนัง เรียบลื่นและแวววาว คล้ายกับที่พบในแมวพันธุ์ Abyssinian กระต่าย กระรอก ตัวโกเฟอร์ มีแถบสีที่ขาหน้าด้านในและเข่าหลัง
เสียง นุ่มและกังวาน
ลักษณะที่ให้โทษ เหลือบขนสีเทา โคนขนสีเทา แถบสีที่ขาหน้าด้านนอก มีเส้นรอบคอ ไม่มี Cheetah line หางเสียแต่ไม่เป็นที่สังเกต
ลักษณะที่ไม่คัดเลือก มีจุดขาว แถบสีที่หาง กระหม่อมบาง มีแถบที่คอไม่ครบหรือแถบรอบขา มีหูหรือดวงตาที่เล็กมากๆ หางเสีย ตาสีฟ้า สีขนสีอื่นนอกจากสี Sepia agouti
ลักษณะสีขน
มีเพียงสี Sepia agouti เท่านั้น คือสีน้ำตาลเข้มแต้มบนพื้นสีงาช้าง โดยแต้มสีน้ำตาลสลับกับแต้มสีงาช้างในเส้นขน ปลายขนสีเข้ม ปลายหางสีเข้ม ปากและจมูก แก้ม อก ท้อง และโคนขนเป็นสีผ้ามัสลินที่ยังไม่ฟอก บริเวณขาหน้าด้านในและเข่าด้านนอก มีแถบสีเข้มเป็นแถบๆ ซึ่งจะไม่พบในลูกแมว ขนระหว่างนิ้วเท้าเป็นสีน้ำตาล บริเวณหน้า คิ้วและมุมตาด้านนอกขอบตา ริมฝีปาก เครา เส้นจมูก สีน้ำตาลเข้ม มีเส้น Cheetah line จากมุมด้านในไปดั้งจมูก โหนกแก้มด้วยเช่นกัน จมูกสีชมพูอ่อนถึงแก่ ฝ่าเท้าสีน้ำตาลแดง
ลักษณะนิสัย
เป็นแมวที่ชอบความอบอุ่น นักล่าที่ดี ร่าเริง มีชีวิตชีวา สนใจสิ่งรอบข้าง ฉลาด ชอบอยู่ใกล้คนและไม่ก้าวร้าวกับสัตว์อื่น ชอบเล่นอะไรแปลก ๆ ชอบท่องเที่ยว ชอบนอนบนตัวคนและชอบอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
ปัญหาสุขภาพ
ไม่มีปัญหาเรื่องพันธุกรรม
การซื้อขาย
เนื่องจากแมวพันธุ์ Singapura เป็นพันธุ์ที่หายาก ราคาของแมวจะขึ้นอยู่กับชนิด แถบสีบนตัว ลักษณะและสายพันธุ์ซึ่งรองรับโดย Grand Champion (GC), National or Regional winning parentage (NW or RW) or of Distinguished Merit parentage (DM) นักผสมพันธุ์จะคัดเลือกลูกแมวอายุ 12 สัปดาห์มาฝึก พัฒนาลักษณะและความเสถียรภาพทางอารมณ์เพื่อให้คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมใหม่ การแสดงตัวหรือการขนส่งทางอากาศ
การเข้าร่วมสมาคม
แมวพันธุ์ Singapura ได้รับการยอมรับจากสถาบันแมวมากมาย
มาตรฐาน
ตามมาตรฐานของ TICA (The International Cat Association)
รูปร่างศีรษะ กะโหลกต้องกลม ไม่โดม ไม่แบน ดวงตาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม รูปร่างของศีรษะเป็นส่วนที่มีน้ำหนักมากที่สุดในการตัดสิน อาจยกเว้นเรื่องกรามในแมวตัวผู้ที่โตเต็มวัยแล้ว
หู ใหญ่ ชี้ในทิศทางที่เหมาะสม ฐานกว้างเหมือนถ้วยก้นลึก ซึ่งเหมาะกับลักษณะที่ใหญ่ ขนหลังใบหูสีอ่อน
ดวงตา ดวงตาใหญ่ รูปร่างรีเหมือนเม็ดอัลมอนด์ หนังตาสีเข้มขอบสีอ่อน ลายบนหน้าขับความเด่นให้ดวงตา ระยะห่างตาเหมาะสม ไม่แคบเกินไป สีตาต้องเป็นสีเขียว หรือสีเขียวคาเลโดเนีย สี Hazel สีทอง หรือทองแดง ไม่ใช่สีฟ้า เทา หรือฟ้าใส
แก้ม กลมมน
ปากและจมูก สั้นพอดีกัน จมูกมน ไม่เรียวหรือชี้ หรือเหมือนหมาป่า โหนกแก้มสูง
โครงร่าง สั้น
ลำคอ สั้นและหนา
ตัว กลางถึงเล็ก ลำตัว ขาและพื้นควรมองดูเป็นรูปสี่เหลี่ยมเมื่อมองจากไหล่ไปยังโคนหาง ขอบซี่โครงกลม หลังลาด
ขาและเท้า ขาหนักและสมส่วน เท้าเล็ก มน
หาง ยาวต่ำกว่าไหล่เมื่อวัดเทียบกับลำตัว พุ่งตรง เรียว ไม่คดงอ และปลายมน
กระดูก กล้ามเนื้อ ล่ำสันแต่ไม่อ้วน น้ำหนักไม่เกินพอดี คอและอกสมส่วน อาจจะเห็นสะโพกตรงเมื่อเทียบกับคอและไหล่ สิ่งนี้ไม่นับว่าผิดปกติในแมวรุ่น
ความยาวและผิว เรียบติดลำตัว ไม่มีจุดสี ขนลูกแมวอาจยาว
ลาย ลายหนา แต้มสีอ่อนและเข้มทั่วไป โคนขนสีอ่อน ปลายสีเข้ม มีลายที่หลัง ที่ว่างระหว่างหูควรมีสีเข้มและหนา ขนหน้าท้องบาง ความหนาของขนที่เป็นบางช่วงถือเป็นลักษณะเด่นของพันธุ์ มีแถบบนขาหน้าด้านในและเข่าซึ่งเป็นลักษณะเด่นเช่นกัน เห็นได้ชัดเมื่อโตเต็มวัย แถบด้านนอกขาหน้าถือว่าผิดปกติ มี Cheetah line ที่เห็นได้ชัด อาจพบลายตัว M บนหัว
สี สีพื้นสีงาช้างจนออกเหลือง ปากและจมูก แก้ม อก ท้อง และโคนขนเป็นสีผ้ามัสลินที่ยังไม่ฟอก จมูก สีชมพูอ่อนถึงแก่ บริเวณหน้า คิ้วและมุมตาด้านนอกขอบตา ริมฝีปาก เครา เส้นจมูก สีน้ำตาลเข้ม ฝ่าเท้าสีน้ำตาลเข้มโทนแดง ขนระหว่างนิ้วเท้าเป็นสีน้ำตาล ปลายหางสีเข้ม หูและดั้งจมูกสีชมพูแก่
ลักษณะที่เด่นคือสีเข้ม ประกายสว่าง แถบสีตัดกันอย่างชัดเจน ต้องไม่มีโทนสีเทา อาจยกเว้นได้ในลูกแมวซึ่งจะหายไปตามอายุ
http://www.catsinfo.com
http://www.felinebreeds.com
http://www.felinerescue.net
http://www.cfainc.org
http://www.plant-pets.com
http://www.thesingapuracat.50megs.com
http://www.singapuracatclub.co.uk
แมวพันธุ์วิเชียรมาศ หรือแมวสยามลักษณะประจำพันธุ์
แมววิเชียรมาศเป็นแมวที่ชาวต่างประเทศที่รู้จักกันในนามแมวสยาม (Siamese) โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษตั้งแต่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และเป็นที่รู้จักกันในแถบสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ลักษณะที่จำเพาะของแมววิเชียรมาศ คือ สีน้ำตาล With their seal brown, almost black, points and pale fawn bodies, these beauties were striking. While chocolate points, with creamy white bodies and milk chocolate points, did appear from time to time, it was the blue point that was the next color of Siamese to gain recognition (1934). The blue point is characterized by a bluish white body with slate blue points. The chocolate point was recognized next, and, in 1955, the lilac point completed the breed. The lilac point has pinkish gray points with a white body which makes it most ethereal and delicate in color. Not just a color pattern, however gorgeous, the Siamese is a study in length. The earliest breed standards prescribe a long, wedge head and elongated body lines. The muscular, tubular body is supported by long legs and graced by a long neck and tail. The short, close, silky coat emphasizes this length of line.
The long Siamese head is delineated by an absolutely straight profile, smooth wedge, large ears that complete that wedge, and deep blue, almond shaped eyes set on a slant.
This ancient breed, perhaps the oldest of all our pedigreed cats, is able to communicate like no other. The Siamese voice is legendary, and they do like to talk. They are the quintessential "people" cat, for they love to be in your lap, on your bed, at your table... in your heart!
Pricing on Siamese usually depends on each individual kitten's bloodlines and type. Many breeders allow pickup of new kittens between twelve and sixteen weeks of age. At the age of sixteen weeks, kittens have had basic inoculations and developed the physical and social stability to adjust to a new environment. Four months also conforms to the minimum age for showing and transport by air. If a breeder offers you an older kitten or adult cat, don't hesitate; they can be a welcome addition to a home where proper behavior and good manners are needed upon arrival! Keeping your cat indoors and neutering or spaying are essential elements for maintaining a healthy companion, and most importantly will extend the life expectancy of your cat.
ลักษณะสีขน:
ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)
ลักษณะของส่วนหัว
รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีฟ้า
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน3 นิ้ว) ของขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวขาวมณีลักษณะประจำพันธุ์ของแมวขาวมณี
ลักษณะสีขน:
ขนสั้นแน่นและอ่อนนุ่ม สีขาวไม่มีสีอื่นปน สีผิวหนังเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว
ลักษณะของส่วนหัว
รูปร่างไม่กลม หรือแหลมเกินไป แต่คล้ายรูปหัวใจ ผน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูตั้งใหญ่
ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนมีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวสีสวาด (Silver blue) หรือแมวโคราช (Korat cat)ลักษณะประจำพันธุ์ของแมวสีสวาด
ประวัติ
แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ แมวโคราช แมวมาเลศ หรือแมวดอกเลา แมวโคราชเป็นแมวที่พบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือเรารู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อย (Smud Khoi of Cats) ที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอ (kinks) มากเท่าไหร่จะมีโชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตากหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยจะเรียกแมวโคราชอีกชื่อว่า แมวสีสวาด (Si-Sawat cat (see-sa-what)), แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวเพศผู้มีสีเหมือนดอกเลา (Dok Lao) จึงเรียกแมวสีดอกเลา โดยจะต้องมีขนเรียบ ที่โคนขนจะมีสีขุ่นๆ เทา ในขณะที่ส่วนปลายมีสีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว (dewdrops on the lotus leaf) หรือเหมือนคนผมหงอก
แมวโคราชได้ถูกนำไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริการโดย Cedar Glen Cattery ในรัฐโอเรกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อ นารา (Nara) และ ดารา (Darra) ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1959 (พ.ศ.2502) ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.2509 นักผสมพันธุ์แมวโคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐแมรีแลนด์ ได้นำแมวโคราชประกวดในงานประจำปีและ ได้รับรางวัลชนะเลิศและเป็นที่รู้จัก
ลักษณะสีขน:
ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย
ลักษณะของส่วนหัว
หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน
ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนยาวเกินไป มีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวศุภลักษณ์ีลักษณะประจำพันธุ์ของแมวศุภลักษณ์
ในสายตาฝรั่งแล้วเข้าใจว่าแมวทองแดงเป็นแมวพม่า เนื่องจากปี พ.ศ. 2473 ดร.โจเซฟ ซี ทอมสัน ชาวอเมริกัน ได้นำแมวตัวเมียสีน้ำตาลจากประเทศพม่ากลับไปที่ซานฟรานซิสโก แล้วนำไปจดทะเบียน ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งชื่อว่า Burmese Cat หรือแมวพม่า นั่นเองและ เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีคนเลี้ยงกัน มากที่สุดในโลก แต่ในสายตาคนไทย ถือว่าแมวทองแดงเป็นแมวไทย เนื่องจากโครงสร้าง และลักษณะ
นิสัย เป็นแบบฉบับแมวไทย มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาแตกนั้น พม่าได้กวาดต้อนคนไทยจำนวนหนึ่งไปเป็นเชลยศึกที่พม่าและมีแมวทองแดงตามเจ้าของเข้าสู่เขตแดนพม่าด้วย เนื่องจากเป็นแมวชั้นสูงเช่นเดียวกับแมวไทยพันธุ์อื่นๆ พวกขุนนางพม่า จึงนิยมเลี้ยงกัน พอพวกฝรั่งไปพบเข้าจึงเรียกเป็นแมวพม่าไป แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียว ฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง สีขนออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีสนิม (สีทองแดง) แต่จะมีสีเข้มมาก ขึ้นบริเวณส่วนหูและในหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ปัจจุบันเมืองไทย หายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ และสีอื่นๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์
ลักษณะสีขน:
ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป
ลักษณะของส่วนหัว
ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่
ลักษณะของนัยน์ตา
แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
http://www.dogthai.net/
คอร์นิซเรกซ์
เกิดจากการผสมพันธุ์ในหมู่แมวพันธุ์เรกซ์ ทำให้ได้แมวที่มีลักษณะพิเศษขนจะม้วนเป็นคลื่นไม่มีขนเล็กๆเป็นขนชั้นเดียว แมวพันธุ์นี้กำเนิดในอังกฤษที่เมือง corwall นั่นเอง
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีอยู่ประมาณ 28 สีและลาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวที่มีขนาดเล็ก-กลาง หัวจะยาวและแคบมีหน้าผากที่กลมเล็กน้อย จมูกยาว ใบหูใหญ่ตั้งชี้ขึ้น ดวงตาเป็นรูปไข่สีตาเป็นสีทองแดง ลำตัวจะผอมบาง หางยาว ขายาวและบางเท้ามีขนาดเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : เป็นแมวที่มีเสน่ห์มันจะสนุกกับท่านเสมอ มีอะไรก็เล่นหมด ไม่ซึม ช่างประจบ
ชาร์เทรอ
แมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่ถือว่ามีสายพันธุ์เก่าแก่อีกพันธุ์หนึ่ง มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 17 โดยนักบวชชาวฝรั่งเศสได้นำแมวพันธุ์นี้มาจากการเดินเรือท่องเที่ยวแถบแหลมกู๊ดโฮป ในทวีปแอฟาริกา และเป็นผู้นำแมวสายพันธุ์นี้กลับมายังฝรั่งเศสด้วย
ลักษณะสายพันธุ์ สี : น้ำเงินเทา รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดใหญ่ มีรูปร่างป้อมๆ อกใหญ่มีพละกำลังของขามาก ตัวผู้บางตัวมีน้ำหนักถึง 14 ปอนด์เลยทีเดียว หัวจะกว้าง แก้มใหญ่ ใบหูตั้งขอบกลม จมูกสั้น ตามีลักษณะกลมโต สีตาเป็นสีเหลืองอำพัน ลักษณะนิสัย : เป็นแมวที่ใจดีชอบเด็กๆอารมณ์เสียยาก สอนง่าย และไม่ดุร้ายเลย
ตันคินเนสส์
เป็นแมวที่ได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างแมวไทยและแมวที่มีถิ่นกำเนิดใน ประเทศพม่า เป็นทางผสมขึ้นในอเมริกา มีหลายสีเช่นสีช็อคโกแลต สีน้ำตาล สีน้ำเงิน แก้มเทา เป็นต้น เป็นแมวขนาดกลาง หน้าผากรูปสี่เหลี่ยม ปลายหางเรียวเล็ก ลูกนัยน์ ตาสีน้ำเงินแกมเขียว ดวงตารูปเรียวแหลมเป็นประกาย เป็นแมวที่ไม่ชอบทำความสะอาด ตัวเอง ขนของแมวชนิดนี้คล้ายขนของพังพอน
บาหลี
ถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาเหนือ เป็นแมวขนยาว ลูกนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มสีบริเวณ ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆเกิดขึ้น(ขนจะหดสั้น) มีสีทึบ เป็นแมวที่มีความเชื่อมั่น มี ไหวพริบฉลาดสูง บริเวณศีรษะ ลำตัว ช่วงขาและหางเป็นลักษณะของแมวไทย
ลักษณะสายพันธุ์ สี : ขนสีขาวนวล รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนยาว มีสีทึบ หูตั้ง ลูกในตากลมรี ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆ นัยน์ตาเป็นสีน้ำเงิน
พม่า
เกิดจากนักผสมพันธุ์สัตว์ที่ชื่อ ดร.โจเซฟ ทอมสัน เขาได้ผสมพันธุ์แมวพม่าตัวเมียกับแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศตัวผู้ และได้ลูกออกมาเป็นหลายๆเฉดสี หนึ่งในนั้นคือ ลูกแมวสีน้ำตาลดำและมันได้ถูกนำมาคัดเป็นต้นกำเนิดลูกแมวพม่าตัวต่อๆมา
ลักษณะสายพันธุ์ สี : น้ำตาลแดงเป็นสีดั้งเดิม ปัจจุบันมีคนผสมพันธุ์ออกมาเป็น 8 เฉดสี รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง รูปร่างแข็งแรงลำตัวสั้น มีหางยาวปานกลาง หัวเป็นรูปลิ่ม มีกระดูกแก้มสูง จมูกสั้นมีดั่งจมูกชัดเจน ตาด้านบนจะโค้งน้อยกว่าด้านล่าง สีตาเป็นสีเหลืองทอง ใบหูขนาดกลางปลายกลม ขายาวและเรียวเท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : ถ้าเทียบกับแมวไทยแล้วแมวพม่าจะไม่ค่อยหนีเที่ยวซุกซนเท่าแมวไทยเรา มันออกจะชอบอยู่กับบ้านและนอนสบายๆมากกว่า
Maine Coon เป็นแมวที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ตามธรรมชาติระหว่างแมวบ้านกับแมวป่าอเมริกันลิงซ์ (American Lynz) คำว่า Maine ของเจ้าตัวโตนั้นมาจากแหล่งกำเนิดที่อยู่ในรัฐ Maine ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนคำว่า Coon นั้น ได้มาจากคำกล่าวของคนพื้นบ้านในสมัยก่อนที่เล่าว่าบรรพบุรุษแมวบ้านของเจ้าเหมียวแอบไปกิ๊กกับตัวแรคคูน จนออกลูกออกหลานมามีหางเป็นพวงสวยงามเหมือนแรคคูนเช่นนี้แลรูปร่างหน้าตาลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดของเจ้า Maine Coon ก็คือรูปร่างใหญ่สมส่วน รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงและสง่างาม ซึ่งหากเจ้าเหมียวโตเต็มที่แล้วจะมีน้ำหนักมากกว่า 12 กิโลกรัม ส่วนความยาวจากหัวจรดหางจะวัดได้มากกว่า 1 เมตร กล่าวได้ว่าขนาดพอๆกับสุนัขเลยทีเดียว เจ้า Maine Coon จึงจัดเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแมวสายพันธุ์ทั้งหลาย และผลจากการพัฒนาสายพันธุ์ตามธรรมชาติ ทำให้พวกเค้ามีความแข็งแรง สามารถทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนของท้องถิ่นได้เป็นอย่างดีลักษณะตามมาตรฐานสายพันธุ์- หัว มีขนาดใหญ่สมส่วน โหนกแก้มสูง รูปหน้ายาวปานกลาง ดูเป็นทรงเหลี่ยม- หู ใบหูตั้งชี้เรียวแหลม มีขนที่ปลายหูเหมือนแมวป่า- ตา ดวงตากลมโต สีเขียว ทอง ทองแดง พบตาสีฟ้าบ้างในเหมียวที่มีขนสีขาว- ขน เป็นแมวประเภทขนกึ่งยาว (Semi Long Hair) มีขนปกคลุมหนาแต่ไม่พันกันยุ่ง ขนส่วนหัว คอ และไหล่จะไม่ยาวมาก จะไล่ความยาวจากส่วนหลัง ส่วนท้อง ไปจนถึงสีข้างและหาง ตัวผู้จะมีขนคอที่หนากว่าตัวเมีย- ขา มีขาที่แข็งแรง ความยาวได้สัดส่วนกับลำตัว อุ้งเท้าใหญ่ เท้าหน้าจะมีข้างละ 5 นิ้ว ส่วนเท้าหลังมีข้างละ 4 นิ้ว เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของจ้าตัวใหญ่- การให้อาหารตามปกติอาจยังไม่พอ ควรให้อาหารเสริมแก่เจ้าตัวโตด้วยเนื้อสัตว์โปรตีนสูงไขมันต่ำ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อเจ้าเหมียวให้ล่ำบึ้ก- Maine Coon เป็นแมวที่ไม่ค่อยมีปากเสียงมากนัก คุณสามารถหาเห็บ หมัด เช็ดหู สางขน โดยที่เหมียวไม่ปริปากบ่นรำคาญสักแอะ แถมยังชอบอีกด้วย- แมวกึ่งขนยาวแบบ Maine Coon จะไม่มีปัญหาขนพันกันยุ่งแบบแมวขนยาวอย่างเปอร์เซีย การดูแลจึงทำได้ง่ายขึ้น- มิสซิสนอริส จากภาพยนตร์ แฮรี่ พอตเตอร์ นี่ก็ Maine Coon เหมือนกัน
แรคดอลล์
ลักษณะเหมือนแมวตุ๊กตาผ้า ขนบริเวณเอวขึ้นหนาแน่นเป็นปุยฟู ที่หางจะมีขนชันยาว บริเวณอุ้งเท้าไปถึงช่วงขาเป็นลักษณะสีขาวเหมือนสวมถุงมือสีขาว เป็นแมวที่ชอบความเงียบ มี เสียงร้องที่เบามาก
คัลเลอร์พอยท์
แมวพันธุ์นี้ถูกพัฒนามาจากสายพันธุ์ในอังกฤษประมาณปี 1947 โดยเริ่มจากนำแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศผสมกับพันธุ์อังกฤษสีน้ำตาลแดง ซึ่งให้ลูกออกมาเป็นสีแดงอย่างเดียว และนำลูกแมวกลับไปผสมพันธุ์กับแมววิเชียรมาศอีกทีคราวนี้ให้ลูกแมวเป็นลายตามปลายเท้า ใบหู ใบหน้า และนำแมวชุดนี้ไปผสมพันธุ์กันออกมาจะได้แมวที่มีลายที่หัว ใบหู ใบหน้า ขาทั้ง 4 ข้าง เป็นสีต่างๆต่างจากแมววิเชียรมาศจึงถือว่าเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีสีพื้นบนลำตัวเป็นสีอ่อนจะมีสีเข้มในส่วนใบหู ใบหน้า ขาทั้ง 4 ข้าง หางคล้ายกับความเข้มสีของแมววิเชียรมาศ สีที่นิยมอยู่ คือ สีช็อกโกแล็ค สีน้ำเงิน สีม่วงอ่อน รูปร่างและขนาด : มีลักษณะคล้ายกับแมวไทยเรา คือ ลำตัวเพรียวไม่อ้วน ขายาวบาง หัวเป็นรูปลิ่ม ตาขนาดกลางรูปอัลมอนด์สีตาเป็นสีน้ำเงิน จมูกค่อนข้างยาว ใบหูตั้งชี้มีขนาดใหญ่ เท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : กล้าหาญชาญชัยไม่หวาดกลัวอะไรง่ายๆ ค่อนข้างจะเรียกร้องส่งเสียงหาเจ้าของ รู้มาก คล้ายกับนิสัยแมวไทยเรา
แจแปนนิส บอยเทล
ถือว่าเป็นแมวประจำชนชาติญี่ปุ่นและเป็นสัตว์นำโชคเพราะมีคนทำเป็นตุ๊กตา ภาพเขียน รูปแกะสลักไว้ติดกับร้านค้าบ้านเรือน ในญี่ปุ่นจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า มิเก (Mi-Ke) แปลว่า สามสี
ลักษณะสายพันธุ์ สี : นิยมเป็นสามสี คือ พื้นลำตัวขาว มีจุดสีบนตัวแต้มเป็นสีดำ-น้ำตาลหรือดำ-ขาว,ดำ-น้ำตาล รูปร่างและขนาด : เป็นแมวที่มีขนาดกลาง-ใหญ่ ลำตัวผอมบาง ขายาว เท้าขนาดกลางรูปไข่ หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม มีโหนกแก้มสูง จมูกยาว ดวงตาใหญ่รูปไข่สีตาจะสอดคล้องกับสีที่แต้มขนตัว ใบหูใหญ่ปลายหูกลม แมวพันธุ์นี้หางจะสั้นกุด ลักษณะนิสัย : ใจดีเข้ากับคนง่าย ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ไม่ซึมเศร้า
ซิมริค
เป็นแมวพันธุ์ขนยาวกำเนิดในอเมริกา ท่าทางการเดินคล้ายหมีคือเวลาเดินจะเซ ไปทางโน้นทีทางนี้ทีเหมือนกับหมีเดิน เสียงร้องเล็กนุ่มหรือเสียงค่อยมาก ขนบริเวณลำตัว จะยาวมากคล้ายแมวเปอร์เซีย
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีมากมาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนยาว มีขนาดใหญ่ ขนยาวคล้ายแมวเปอร์เซีย ใบหูเล็ก หูตั้ง ลูกในตากลมรี ลักษณะหัวกลมกะโหลกใหญ่
เดวอนเรกซ์
กำเนิดจากการนำแมวบ้านพันธุ์พื้นเมืองผสมกับแมวป่าและได้แมวพันธุ์นี้ออกมา เดวอนเป็นชื่อเมืองที่ให้กำเนิด แมวพันธุ์นี้ถือกำเนิดเมื่อประมาณปี 1960 แรกๆคนนึกว่ามันเป็นพันธุ์เดียวกับแมวพันธุ์คอร์นิซ เรกซ์ แต่การพิสูจน์ทางยีนส์พันธุ์กรรมจะพบว่ามันไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกันแน่นอน
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีอยู่ 34 สี ทั้งเฉดและลาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดเล็ก-กลาง ลำตัวเพรียว เท้าเล็กรูปไข่ ใบหน้าสั้นรูปลิ่มมีโหนกแก้มชัดเจน จมูกจะสั้น ใบหูใหญ่ ตารูปไข่สีตาเป็นสีอำพัน ขนของแมวเดวอน เรกซ์ จะต่างจากแมวคอร์นิซ เรกซ์ ตรงที่ขนยาวกว่าและหยิกเป็นคลื่นน้อยกว่า ลักษณะนิสัย : ขี้เล่น ชอบซุกซน มีอะไรทำทั้งวัน เรียกว่าท่านจะไม่ผิดหวังถ้าท่านชอบแมวขี้เล่นประจบ
บอมเบย์
เกิดจากนำแมวพม่าสีน้ำตาลเข้มผสมพันธุ์กับแมวอเมริกันขนสั้นสีดำ ผลก็คือ ได้ลูกแมวสีดำขลับ
ลักษณะสายพันธุ์ สี : ดำขลับ รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางมีกล้ามเนื้อชัดเจน หัวโตหน้าผากกลมกว้าง หูกลมและเอียงไปทางข้างหน้า มีจมูกสั้นสีดำคางเห็นชัดเจน ตากลมโตสีตาเป็นสีทอง ขายาวปานกลางเท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : อ่อนโยนไม่ก้าวร้าวสามารถปรับตัวเข้ากับแมวตัวอื่นๆได้ดีและชอบอยู่กับมนุษย์ไม่ปลีกตัวไปไกล
เปอร์เซีย
ถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซียหรืออิหร่าน ถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งใน ยุโรปและอเมริกาเป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว สำหรับประเทศไทยจัดเป็นแมวต่างประเทศ พันธุ์แรกที่ถูกนำมาเผยแพร่ เนื่องจากเป็นแมวที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน สุขุมเข้ากับคนง่าย มี ความร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจงและมีไหวพริบ
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีหลายสี เช่น สีชา , สีน้ำตาล , สีเหลือง , สีน้ำเงิน รูปร่างและขนาด : ขนาด ลำตัวใหญ่กว่าแมวไทยเล็กน้อย และขนยาวนุ่มสลวยปกคลุมทั่วร่างกาย ศีรษะกลมและกว้าง ช่วงคอสั้น ใบหูเล็กเท้าอวบใหญ่ หางสั้นเป็นพวงระย้า ที่เด่นมากคือ มีขนที่ลำคอเป็นปุยยาว ฟูและดกมาก
เมียวคูล
เป็นแมวที่คนนิยมกันมากอีกพันธุ์หนึ่ง ลักษณะช่วงลำตัวสั้นเตี้ย ผิวขนคล้าย เชือกพันกันเป็นเกลียวมองดูคล้ายแมวพันธุ์เปอร์เซีย มีขนขึ้นปกคลุมหนาแน่นแต่ขนไม่ ยาวปลายหางขนหยาบหนาแน่นรกรุงรังแต่ขนไม่ยาวนัก บริเวณรรอบๆลำคอและโคนของ ใบหูมักพันกันเป็นกระจุก ใบหน้าราบแบน ท่าทางสงบเสงี่ยม แก้มอยู่ในตำแหน่งที่สูง มีโครงกระดูกแก้มใหญ่ ใบหูมีรอยแต้ม ลูกนัยน์ตาเป็นรูปไข่ลาดเอียงยาวติดกับบริเวณ ช่องจมูก จมูกเล็ก เป็นแมวที่มีกล้ามเนื้อขาแข็งแรง บางตัวมีขนาดใหญ่ถึง 13 กิโลกรัม
รัสเซี่ยนบลู
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แมวรัสเซียสีฟ้า มีถิ่นกำเนิดตามชื่อคือประเทศรัสเซีย แรกเริ่ม เผยแพร่ไปทางประเทศตะวันตกเพราะเป็นของประทานของพระเจ้าชาร์องค์หนึ่งให้แก่นักการ เมืองอังกฤษ จนแพร่หลายต่อมา บางตำนานก็ว่ากลาสีเรือคนหนึ่งได้เอาแมวชนิดนี้ตัวหนึ่งมา แลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือ เป็นแมวที่น่ารักและสุภาพเรียบร้อย ลำตัวยาวเรียว หู ใหญ่ปลายแหลม ตาสีเขียว ขนสีฟ้าบริสุทธิ์ปราศจากรอยด่าง พร้อยใดๆและขนสั้นราบเรียบ เป็นเงางามอ่อนนุ่ม
สฟิงซ์
บางครั้งใครๆก็เรียกแมวพันธุ์สฟิงซ์ว่าแมวไม่มีขน แม้ว่าอันที่จริงแล้วมันมีขน ปกคลุมอยู่บางๆ โดยจะเห็นได้ชัดเจนที่ปลายลำตัวทั้งสองข้าง แมวไม่มีขนตัวแรกปรากฎ ที่แคนาดาในพ.ศ. 2509 ต่อมาจึงได้กลายเป็นแมวพันธุ์หนึ่ง โดยใช้แมวขนสั้นของอเมริกา มาผสม สมาคมผู้เลี้ยงแมวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแมวพันธุ์นี้ และเป็นพันธุ์ที่มีปัญหาถกเถียง กันอยู่
อียิปต์เชียนมัว
แมวพันธุ์นี้มีเชื้อสายจากแมวอียิปต์เพราะคำว่า มัว (Mau) คือภาษาอียิปต์โบราณที่หมายถึงแมวนั่นเอง แมวพันธุ์นี้ถูกนำไปอเมริกาครั้งแรกในปี 1953 สัญลักษณ์ที่ทำให้จดจำได้แม่นยำก็คือ ลายจุดบนตัวนั่นเอง
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีอยู่ 2หรือ3 สี คือ สีน้ำตาลแดงและสีควันบุหรี่ รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง หัวกลมคางแหลม จมูกสั้น ใบหูใหญ่ชี้ขึ้น ตาเป็นรูปอัลมอนด์สีตาเป็นสีเขียวอ่อน ลำตัวแข็งแรงมีกล้ามเนื้อชัดเจน ขายาวปานกลางเท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : เป็นแมวเอนกประสงค์ เป็นเพื่อนเด็กได้ แต่จะมีบางอารมณ์ที่ตื่นเต้น มันมักจะไม่ยอมใครนอกจากเจ้าของเท่านั้น
แองโกล่า
เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งจากเมืองแองโกลา ประเทศตุรกี ปัจจุบันเมื่องนี้ ชื่อ Ankara มีขนคล้ายเส้นไหมหนาเหมือนขนแกะแองโกลา ขนละเอียดเงาเป็นมัน วาว ปี1963 สวนสัตว์เมือง Ankara ได้มอบแมวพันธุ์นี้นำเข้าสู่อเมริกา 1 คู่ อีก3 ปี ต่อมาได้มีการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นในอังกฤษ
ลักษณะสายพันธุ์ สี : ขนสีขาว รูปร่างและขนาด : เป็นแมวตัวยาว หางเล็ก คอสั้น หูตั้ง ลูกในตากลมรี ขายาว อุ้งเท้าค่อนข้างเล็กกลมมน สะโพกใหญ่ เมื่อเคลื่อนไหวหางจะกระเพื่อมอย่างแรง ขนหน้าท้องดก นิ้วเท้าและปลายหูจะมีขนเป็นจุก นัยน์ตาสีน้ำเงิน สีอำพัน หรืออาจเป็นสีใดสีหนึ่ง หรือตาสองสีในตัวเดียวกัน อุ้งฝ่าเท้า ริมฝีปากและจมูกจะเป็นสีชมพู
อเมริกันขดลวด
มีต้นกำเนิดมาจากแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น เกิดจากการผสมพันธุ์แล้วให้ลูกแมวที่มีลักษณะแปลกประหลาด คือ จากที่ขนสั้นแน่นเรียบกลับไปได้ลูกแมวที่มีขนหนาแน่นแต่ขนม้วนชี้เป็นลูกคลื่น ว่ากันว่าแมวพันธุ์นี้กำเนิดในเขตชานเมืองนิวยอร์ค ราวปี 1966 นี่เอง
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีสีคล้ายกับแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้นมากลายมากสีถึง 34 เฉดลาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางถึงใหญ่ มีกล้ามเนื้อชัดเจน แข็งแรง หัวโตรูปไข่แต่มีคางที่เป็นเหลี่ยมเห็นคางชัดเจน หูขนาดกลางกลมมนที่ขอบ ตาโตกลมขอบตาบนด้านนอกใหญ่หนาโค้งลงที่หัวตา สีตาเป็นสีเหลืองทอง ขายาวปานกลางแข็งแรงเท้ากลมใหญ่ ลักษณะนิสัย : ใจดี ขี้เล่นทั้งวัน ฉลาดและสอนง่าย
อะบีซิเนียน
ชื่อกันว่าเป็นแมวที่มีบรรพบุรุษ มาจากแมวในอียิปต์โบราณ ในสมัยนั้นคนอียิปต์ต้องถือว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ในพิธีกรรม การสักการะเทพเจ้าบาเบท ที่เป็นหญิงมีหัวเป็นแมว แมวพันธ์นี้ ได้ถูกนำไปเกาะอังกฤษราวปี 1968 ว่ากันว่าทหารอังกฤษ ที่มารบในสงคราม อะบีสซีเนียน เป็นผู้นำไป แถบที่สงครามเกิดในปัจจุบัน ก็คือ ประเทศเอธิโอเปียนั่นเอง
เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอียิปต์ ถูกนำเข้าสู่อังกฤษโดยนายทหารที่ไปรบ ที่เกาะซูลู ประมาณปี ค.ศ.1968 เป็นแมวขนาดเล็กและสวยงาม หัวยาวแหลมกว่าแมวไทย ใบหูใหญ่ปลายแหลม ตาสีเหลืองเขียวและน้ำตาลอ่อน ขนสั้นละเอียดเป็นลายกระรอก ปัจจุบันนี้ค่อนข้างหามาเลี้ยงดูได้ยาก ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีสีของแมวคือ น้ำตาลแดง น้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลมีแถบน้ำตาลเข้มปน รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง ลำตัวสมส่วนเพรียวไม่ดูเทอะทะ หัวจะเป็นรูปลิ่มสามเหลี่ยม ใบหูใหญ่ชี้ขึ้น ตาโตรูปอัลมอนด์ตาสีเหลืองอำพัน หรือสีน้ำตาลแดง สีเขียวก็ยังยอมรับได้ ขาจะยาวเท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : รักอิสระ เรียนรู้สิ่งต่างๆว่องไว ฉลาดมากมีความตื่นตัวสูง เหมาะสำหรับคนที่มีบ้านช่องใหญ่โตเพราะเป็นแมวที่ร่าเริงตลอดวัน
กซ์โซติคขนสั้น
เกิดจากแมวเปอร์เซียร์ผสมพันธุ์กับแมวอเมริกันขนสั้น ทำให้ได้แมวพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะผสมพันธุ์ของทั้งสองสายพันธุ์
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีมากมาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวที่มีขนาดกลาง-ใหญ่ รูปร่างหน้าตาออกมาทางแมวเปอร์เซียร์เพียงแต่ขนสั้น มีลักษณะหัวกลมกะโหลกใหญ่ ใบหูเล็กกลม จมูกหักเล็กคล้ายกับแมวเปอร์เซียร์ ตัวป้อมๆขาสั้น ลักษณะนิสัย : เป็นแมวที่ใจเย็น สงบเรียบร้อย ใจดีรักเด็กๆ
ฮาวานาสีน้ำตาล
เกิดจากการนำแมวพันธุ์ขนสั้นสีดำผสมพันธุ์กับแมวไทยวิเชียรมาศที่มียีนส์ของขนสีน้ำตาลแฝงอยู่ ผลที่ได้ คือ ลูกแมวที่มีขนสีน้ำตาลสีเดียว และลูกแมวชุดดังกล่าวถูกนำไปผสมพันธุต่อพัฒนาเป็นสายพันธุแมวพันธุ์ฮาวานา ถูกขนานนามว่า ฮาวานา เนื่องจากแมวพันธุ์นี้มีสีขนเหมือนกับยาสูบที่มีมากๆในกรุงฮาวานานั่นเอง
ลักษณะสายพันธุ์ สี : น้ำตาล น้ำตาลเชสนัท รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง ลำตัวยาวเพรียว ขาเรียว หัวเป็นรูปลิ่ม มีจมูกที่ยาวและตรง ดวงตาเป็นรูปอัลมอนด์สีตาเป็นสีเขียว ใบหูใหญ่ปลายหูกลมมีขนที่ใบหูน้อยมาก ขนจะสั้นและแน่น เท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : คล้ายแมวไทย ฉลาด รักอิสระเสรี ชอบเที่ยว
เอกสารอ้างอิง
http://www.dogthai.net/
http://www.catsinfo.com
http://www.felinebreeds.com
http://www.felinerescue.net
http://www.cfainc.org
http://www.plant-pets.com
http://www.thesingapuracat.50megs.com
http://www.singapuracatclub.co.uk
www.cat4love.com
The long Siamese head is delineated by an absolutely straight profile, smooth wedge, large ears that complete that wedge, and deep blue, almond shaped eyes set on a slant.
This ancient breed, perhaps the oldest of all our pedigreed cats, is able to communicate like no other. The Siamese voice is legendary, and they do like to talk. They are the quintessential "people" cat, for they love to be in your lap, on your bed, at your table... in your heart!
Pricing on Siamese usually depends on each individual kitten's bloodlines and type. Many breeders allow pickup of new kittens between twelve and sixteen weeks of age. At the age of sixteen weeks, kittens have had basic inoculations and developed the physical and social stability to adjust to a new environment. Four months also conforms to the minimum age for showing and transport by air. If a breeder offers you an older kitten or adult cat, don't hesitate; they can be a welcome addition to a home where proper behavior and good manners are needed upon arrival! Keeping your cat indoors and neutering or spaying are essential elements for maintaining a healthy companion, and most importantly will extend the life expectancy of your cat.
ลักษณะสีขน:
ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)
ลักษณะของส่วนหัว
รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีฟ้า
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน3 นิ้ว) ของขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวขาวมณีลักษณะประจำพันธุ์ของแมวขาวมณี
ลักษณะสีขน:
ขนสั้นแน่นและอ่อนนุ่ม สีขาวไม่มีสีอื่นปน สีผิวหนังเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว
ลักษณะของส่วนหัว
รูปร่างไม่กลม หรือแหลมเกินไป แต่คล้ายรูปหัวใจ ผน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูตั้งใหญ่
ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนมีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวสีสวาด (Silver blue) หรือแมวโคราช (Korat cat)ลักษณะประจำพันธุ์ของแมวสีสวาด
ประวัติ
แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ แมวโคราช แมวมาเลศ หรือแมวดอกเลา แมวโคราชเป็นแมวที่พบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือเรารู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อย (Smud Khoi of Cats) ที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอ (kinks) มากเท่าไหร่จะมีโชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตากหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยจะเรียกแมวโคราชอีกชื่อว่า แมวสีสวาด (Si-Sawat cat (see-sa-what)), แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวเพศผู้มีสีเหมือนดอกเลา (Dok Lao) จึงเรียกแมวสีดอกเลา โดยจะต้องมีขนเรียบ ที่โคนขนจะมีสีขุ่นๆ เทา ในขณะที่ส่วนปลายมีสีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว (dewdrops on the lotus leaf) หรือเหมือนคนผมหงอก
แมวโคราชได้ถูกนำไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริการโดย Cedar Glen Cattery ในรัฐโอเรกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อ นารา (Nara) และ ดารา (Darra) ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1959 (พ.ศ.2502) ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.2509 นักผสมพันธุ์แมวโคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐแมรีแลนด์ ได้นำแมวโคราชประกวดในงานประจำปีและ ได้รับรางวัลชนะเลิศและเป็นที่รู้จัก
ลักษณะสีขน:
ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย
ลักษณะของส่วนหัว
หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน
ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนยาวเกินไป มีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวศุภลักษณ์ีลักษณะประจำพันธุ์ของแมวศุภลักษณ์
ในสายตาฝรั่งแล้วเข้าใจว่าแมวทองแดงเป็นแมวพม่า เนื่องจากปี พ.ศ. 2473 ดร.โจเซฟ ซี ทอมสัน ชาวอเมริกัน ได้นำแมวตัวเมียสีน้ำตาลจากประเทศพม่ากลับไปที่ซานฟรานซิสโก แล้วนำไปจดทะเบียน ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งชื่อว่า Burmese Cat หรือแมวพม่า นั่นเองและ เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีคนเลี้ยงกัน มากที่สุดในโลก แต่ในสายตาคนไทย ถือว่าแมวทองแดงเป็นแมวไทย เนื่องจากโครงสร้าง และลักษณะ
นิสัย เป็นแบบฉบับแมวไทย มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาแตกนั้น พม่าได้กวาดต้อนคนไทยจำนวนหนึ่งไปเป็นเชลยศึกที่พม่าและมีแมวทองแดงตามเจ้าของเข้าสู่เขตแดนพม่าด้วย เนื่องจากเป็นแมวชั้นสูงเช่นเดียวกับแมวไทยพันธุ์อื่นๆ พวกขุนนางพม่า จึงนิยมเลี้ยงกัน พอพวกฝรั่งไปพบเข้าจึงเรียกเป็นแมวพม่าไป แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียว ฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง สีขนออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีสนิม (สีทองแดง) แต่จะมีสีเข้มมาก ขึ้นบริเวณส่วนหูและในหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ปัจจุบันเมืองไทย หายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ และสีอื่นๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์
ลักษณะสีขน:
ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป
ลักษณะของส่วนหัว
ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่
ลักษณะของนัยน์ตา
แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
http://www.dogthai.net/
คอร์นิซเรกซ์
เกิดจากการผสมพันธุ์ในหมู่แมวพันธุ์เรกซ์ ทำให้ได้แมวที่มีลักษณะพิเศษขนจะม้วนเป็นคลื่นไม่มีขนเล็กๆเป็นขนชั้นเดียว แมวพันธุ์นี้กำเนิดในอังกฤษที่เมือง corwall นั่นเอง
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีอยู่ประมาณ 28 สีและลาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวที่มีขนาดเล็ก-กลาง หัวจะยาวและแคบมีหน้าผากที่กลมเล็กน้อย จมูกยาว ใบหูใหญ่ตั้งชี้ขึ้น ดวงตาเป็นรูปไข่สีตาเป็นสีทองแดง ลำตัวจะผอมบาง หางยาว ขายาวและบางเท้ามีขนาดเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : เป็นแมวที่มีเสน่ห์มันจะสนุกกับท่านเสมอ มีอะไรก็เล่นหมด ไม่ซึม ช่างประจบ
ชาร์เทรอ
แมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่ถือว่ามีสายพันธุ์เก่าแก่อีกพันธุ์หนึ่ง มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 17 โดยนักบวชชาวฝรั่งเศสได้นำแมวพันธุ์นี้มาจากการเดินเรือท่องเที่ยวแถบแหลมกู๊ดโฮป ในทวีปแอฟาริกา และเป็นผู้นำแมวสายพันธุ์นี้กลับมายังฝรั่งเศสด้วย
ลักษณะสายพันธุ์ สี : น้ำเงินเทา รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดใหญ่ มีรูปร่างป้อมๆ อกใหญ่มีพละกำลังของขามาก ตัวผู้บางตัวมีน้ำหนักถึง 14 ปอนด์เลยทีเดียว หัวจะกว้าง แก้มใหญ่ ใบหูตั้งขอบกลม จมูกสั้น ตามีลักษณะกลมโต สีตาเป็นสีเหลืองอำพัน ลักษณะนิสัย : เป็นแมวที่ใจดีชอบเด็กๆอารมณ์เสียยาก สอนง่าย และไม่ดุร้ายเลย
ตันคินเนสส์
เป็นแมวที่ได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างแมวไทยและแมวที่มีถิ่นกำเนิดใน ประเทศพม่า เป็นทางผสมขึ้นในอเมริกา มีหลายสีเช่นสีช็อคโกแลต สีน้ำตาล สีน้ำเงิน แก้มเทา เป็นต้น เป็นแมวขนาดกลาง หน้าผากรูปสี่เหลี่ยม ปลายหางเรียวเล็ก ลูกนัยน์ ตาสีน้ำเงินแกมเขียว ดวงตารูปเรียวแหลมเป็นประกาย เป็นแมวที่ไม่ชอบทำความสะอาด ตัวเอง ขนของแมวชนิดนี้คล้ายขนของพังพอน
บาหลี
ถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาเหนือ เป็นแมวขนยาว ลูกนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มสีบริเวณ ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆเกิดขึ้น(ขนจะหดสั้น) มีสีทึบ เป็นแมวที่มีความเชื่อมั่น มี ไหวพริบฉลาดสูง บริเวณศีรษะ ลำตัว ช่วงขาและหางเป็นลักษณะของแมวไทย
ลักษณะสายพันธุ์ สี : ขนสีขาวนวล รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนยาว มีสีทึบ หูตั้ง ลูกในตากลมรี ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆ นัยน์ตาเป็นสีน้ำเงิน
พม่า
เกิดจากนักผสมพันธุ์สัตว์ที่ชื่อ ดร.โจเซฟ ทอมสัน เขาได้ผสมพันธุ์แมวพม่าตัวเมียกับแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศตัวผู้ และได้ลูกออกมาเป็นหลายๆเฉดสี หนึ่งในนั้นคือ ลูกแมวสีน้ำตาลดำและมันได้ถูกนำมาคัดเป็นต้นกำเนิดลูกแมวพม่าตัวต่อๆมา
ลักษณะสายพันธุ์ สี : น้ำตาลแดงเป็นสีดั้งเดิม ปัจจุบันมีคนผสมพันธุ์ออกมาเป็น 8 เฉดสี รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง รูปร่างแข็งแรงลำตัวสั้น มีหางยาวปานกลาง หัวเป็นรูปลิ่ม มีกระดูกแก้มสูง จมูกสั้นมีดั่งจมูกชัดเจน ตาด้านบนจะโค้งน้อยกว่าด้านล่าง สีตาเป็นสีเหลืองทอง ใบหูขนาดกลางปลายกลม ขายาวและเรียวเท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : ถ้าเทียบกับแมวไทยแล้วแมวพม่าจะไม่ค่อยหนีเที่ยวซุกซนเท่าแมวไทยเรา มันออกจะชอบอยู่กับบ้านและนอนสบายๆมากกว่า
Maine Coon เป็นแมวที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ตามธรรมชาติระหว่างแมวบ้านกับแมวป่าอเมริกันลิงซ์ (American Lynz) คำว่า Maine ของเจ้าตัวโตนั้นมาจากแหล่งกำเนิดที่อยู่ในรัฐ Maine ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนคำว่า Coon นั้น ได้มาจากคำกล่าวของคนพื้นบ้านในสมัยก่อนที่เล่าว่าบรรพบุรุษแมวบ้านของเจ้าเหมียวแอบไปกิ๊กกับตัวแรคคูน จนออกลูกออกหลานมามีหางเป็นพวงสวยงามเหมือนแรคคูนเช่นนี้แลรูปร่างหน้าตาลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดของเจ้า Maine Coon ก็คือรูปร่างใหญ่สมส่วน รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงและสง่างาม ซึ่งหากเจ้าเหมียวโตเต็มที่แล้วจะมีน้ำหนักมากกว่า 12 กิโลกรัม ส่วนความยาวจากหัวจรดหางจะวัดได้มากกว่า 1 เมตร กล่าวได้ว่าขนาดพอๆกับสุนัขเลยทีเดียว เจ้า Maine Coon จึงจัดเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแมวสายพันธุ์ทั้งหลาย และผลจากการพัฒนาสายพันธุ์ตามธรรมชาติ ทำให้พวกเค้ามีความแข็งแรง สามารถทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนของท้องถิ่นได้เป็นอย่างดีลักษณะตามมาตรฐานสายพันธุ์- หัว มีขนาดใหญ่สมส่วน โหนกแก้มสูง รูปหน้ายาวปานกลาง ดูเป็นทรงเหลี่ยม- หู ใบหูตั้งชี้เรียวแหลม มีขนที่ปลายหูเหมือนแมวป่า- ตา ดวงตากลมโต สีเขียว ทอง ทองแดง พบตาสีฟ้าบ้างในเหมียวที่มีขนสีขาว- ขน เป็นแมวประเภทขนกึ่งยาว (Semi Long Hair) มีขนปกคลุมหนาแต่ไม่พันกันยุ่ง ขนส่วนหัว คอ และไหล่จะไม่ยาวมาก จะไล่ความยาวจากส่วนหลัง ส่วนท้อง ไปจนถึงสีข้างและหาง ตัวผู้จะมีขนคอที่หนากว่าตัวเมีย- ขา มีขาที่แข็งแรง ความยาวได้สัดส่วนกับลำตัว อุ้งเท้าใหญ่ เท้าหน้าจะมีข้างละ 5 นิ้ว ส่วนเท้าหลังมีข้างละ 4 นิ้ว เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของจ้าตัวใหญ่- การให้อาหารตามปกติอาจยังไม่พอ ควรให้อาหารเสริมแก่เจ้าตัวโตด้วยเนื้อสัตว์โปรตีนสูงไขมันต่ำ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อเจ้าเหมียวให้ล่ำบึ้ก- Maine Coon เป็นแมวที่ไม่ค่อยมีปากเสียงมากนัก คุณสามารถหาเห็บ หมัด เช็ดหู สางขน โดยที่เหมียวไม่ปริปากบ่นรำคาญสักแอะ แถมยังชอบอีกด้วย- แมวกึ่งขนยาวแบบ Maine Coon จะไม่มีปัญหาขนพันกันยุ่งแบบแมวขนยาวอย่างเปอร์เซีย การดูแลจึงทำได้ง่ายขึ้น- มิสซิสนอริส จากภาพยนตร์ แฮรี่ พอตเตอร์ นี่ก็ Maine Coon เหมือนกัน
แรคดอลล์
ลักษณะเหมือนแมวตุ๊กตาผ้า ขนบริเวณเอวขึ้นหนาแน่นเป็นปุยฟู ที่หางจะมีขนชันยาว บริเวณอุ้งเท้าไปถึงช่วงขาเป็นลักษณะสีขาวเหมือนสวมถุงมือสีขาว เป็นแมวที่ชอบความเงียบ มี เสียงร้องที่เบามาก
คัลเลอร์พอยท์
แมวพันธุ์นี้ถูกพัฒนามาจากสายพันธุ์ในอังกฤษประมาณปี 1947 โดยเริ่มจากนำแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศผสมกับพันธุ์อังกฤษสีน้ำตาลแดง ซึ่งให้ลูกออกมาเป็นสีแดงอย่างเดียว และนำลูกแมวกลับไปผสมพันธุ์กับแมววิเชียรมาศอีกทีคราวนี้ให้ลูกแมวเป็นลายตามปลายเท้า ใบหู ใบหน้า และนำแมวชุดนี้ไปผสมพันธุ์กันออกมาจะได้แมวที่มีลายที่หัว ใบหู ใบหน้า ขาทั้ง 4 ข้าง เป็นสีต่างๆต่างจากแมววิเชียรมาศจึงถือว่าเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีสีพื้นบนลำตัวเป็นสีอ่อนจะมีสีเข้มในส่วนใบหู ใบหน้า ขาทั้ง 4 ข้าง หางคล้ายกับความเข้มสีของแมววิเชียรมาศ สีที่นิยมอยู่ คือ สีช็อกโกแล็ค สีน้ำเงิน สีม่วงอ่อน รูปร่างและขนาด : มีลักษณะคล้ายกับแมวไทยเรา คือ ลำตัวเพรียวไม่อ้วน ขายาวบาง หัวเป็นรูปลิ่ม ตาขนาดกลางรูปอัลมอนด์สีตาเป็นสีน้ำเงิน จมูกค่อนข้างยาว ใบหูตั้งชี้มีขนาดใหญ่ เท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : กล้าหาญชาญชัยไม่หวาดกลัวอะไรง่ายๆ ค่อนข้างจะเรียกร้องส่งเสียงหาเจ้าของ รู้มาก คล้ายกับนิสัยแมวไทยเรา
แจแปนนิส บอยเทล
ถือว่าเป็นแมวประจำชนชาติญี่ปุ่นและเป็นสัตว์นำโชคเพราะมีคนทำเป็นตุ๊กตา ภาพเขียน รูปแกะสลักไว้ติดกับร้านค้าบ้านเรือน ในญี่ปุ่นจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า มิเก (Mi-Ke) แปลว่า สามสี
ลักษณะสายพันธุ์ สี : นิยมเป็นสามสี คือ พื้นลำตัวขาว มีจุดสีบนตัวแต้มเป็นสีดำ-น้ำตาลหรือดำ-ขาว,ดำ-น้ำตาล รูปร่างและขนาด : เป็นแมวที่มีขนาดกลาง-ใหญ่ ลำตัวผอมบาง ขายาว เท้าขนาดกลางรูปไข่ หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม มีโหนกแก้มสูง จมูกยาว ดวงตาใหญ่รูปไข่สีตาจะสอดคล้องกับสีที่แต้มขนตัว ใบหูใหญ่ปลายหูกลม แมวพันธุ์นี้หางจะสั้นกุด ลักษณะนิสัย : ใจดีเข้ากับคนง่าย ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ไม่ซึมเศร้า
ซิมริค
เป็นแมวพันธุ์ขนยาวกำเนิดในอเมริกา ท่าทางการเดินคล้ายหมีคือเวลาเดินจะเซ ไปทางโน้นทีทางนี้ทีเหมือนกับหมีเดิน เสียงร้องเล็กนุ่มหรือเสียงค่อยมาก ขนบริเวณลำตัว จะยาวมากคล้ายแมวเปอร์เซีย
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีมากมาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนยาว มีขนาดใหญ่ ขนยาวคล้ายแมวเปอร์เซีย ใบหูเล็ก หูตั้ง ลูกในตากลมรี ลักษณะหัวกลมกะโหลกใหญ่
เดวอนเรกซ์
กำเนิดจากการนำแมวบ้านพันธุ์พื้นเมืองผสมกับแมวป่าและได้แมวพันธุ์นี้ออกมา เดวอนเป็นชื่อเมืองที่ให้กำเนิด แมวพันธุ์นี้ถือกำเนิดเมื่อประมาณปี 1960 แรกๆคนนึกว่ามันเป็นพันธุ์เดียวกับแมวพันธุ์คอร์นิซ เรกซ์ แต่การพิสูจน์ทางยีนส์พันธุ์กรรมจะพบว่ามันไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกันแน่นอน
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีอยู่ 34 สี ทั้งเฉดและลาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดเล็ก-กลาง ลำตัวเพรียว เท้าเล็กรูปไข่ ใบหน้าสั้นรูปลิ่มมีโหนกแก้มชัดเจน จมูกจะสั้น ใบหูใหญ่ ตารูปไข่สีตาเป็นสีอำพัน ขนของแมวเดวอน เรกซ์ จะต่างจากแมวคอร์นิซ เรกซ์ ตรงที่ขนยาวกว่าและหยิกเป็นคลื่นน้อยกว่า ลักษณะนิสัย : ขี้เล่น ชอบซุกซน มีอะไรทำทั้งวัน เรียกว่าท่านจะไม่ผิดหวังถ้าท่านชอบแมวขี้เล่นประจบ
บอมเบย์
เกิดจากนำแมวพม่าสีน้ำตาลเข้มผสมพันธุ์กับแมวอเมริกันขนสั้นสีดำ ผลก็คือ ได้ลูกแมวสีดำขลับ
ลักษณะสายพันธุ์ สี : ดำขลับ รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางมีกล้ามเนื้อชัดเจน หัวโตหน้าผากกลมกว้าง หูกลมและเอียงไปทางข้างหน้า มีจมูกสั้นสีดำคางเห็นชัดเจน ตากลมโตสีตาเป็นสีทอง ขายาวปานกลางเท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : อ่อนโยนไม่ก้าวร้าวสามารถปรับตัวเข้ากับแมวตัวอื่นๆได้ดีและชอบอยู่กับมนุษย์ไม่ปลีกตัวไปไกล
เปอร์เซีย
ถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซียหรืออิหร่าน ถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งใน ยุโรปและอเมริกาเป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว สำหรับประเทศไทยจัดเป็นแมวต่างประเทศ พันธุ์แรกที่ถูกนำมาเผยแพร่ เนื่องจากเป็นแมวที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน สุขุมเข้ากับคนง่าย มี ความร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจงและมีไหวพริบ
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีหลายสี เช่น สีชา , สีน้ำตาล , สีเหลือง , สีน้ำเงิน รูปร่างและขนาด : ขนาด ลำตัวใหญ่กว่าแมวไทยเล็กน้อย และขนยาวนุ่มสลวยปกคลุมทั่วร่างกาย ศีรษะกลมและกว้าง ช่วงคอสั้น ใบหูเล็กเท้าอวบใหญ่ หางสั้นเป็นพวงระย้า ที่เด่นมากคือ มีขนที่ลำคอเป็นปุยยาว ฟูและดกมาก
เมียวคูล
เป็นแมวที่คนนิยมกันมากอีกพันธุ์หนึ่ง ลักษณะช่วงลำตัวสั้นเตี้ย ผิวขนคล้าย เชือกพันกันเป็นเกลียวมองดูคล้ายแมวพันธุ์เปอร์เซีย มีขนขึ้นปกคลุมหนาแน่นแต่ขนไม่ ยาวปลายหางขนหยาบหนาแน่นรกรุงรังแต่ขนไม่ยาวนัก บริเวณรรอบๆลำคอและโคนของ ใบหูมักพันกันเป็นกระจุก ใบหน้าราบแบน ท่าทางสงบเสงี่ยม แก้มอยู่ในตำแหน่งที่สูง มีโครงกระดูกแก้มใหญ่ ใบหูมีรอยแต้ม ลูกนัยน์ตาเป็นรูปไข่ลาดเอียงยาวติดกับบริเวณ ช่องจมูก จมูกเล็ก เป็นแมวที่มีกล้ามเนื้อขาแข็งแรง บางตัวมีขนาดใหญ่ถึง 13 กิโลกรัม
รัสเซี่ยนบลู
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แมวรัสเซียสีฟ้า มีถิ่นกำเนิดตามชื่อคือประเทศรัสเซีย แรกเริ่ม เผยแพร่ไปทางประเทศตะวันตกเพราะเป็นของประทานของพระเจ้าชาร์องค์หนึ่งให้แก่นักการ เมืองอังกฤษ จนแพร่หลายต่อมา บางตำนานก็ว่ากลาสีเรือคนหนึ่งได้เอาแมวชนิดนี้ตัวหนึ่งมา แลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือ เป็นแมวที่น่ารักและสุภาพเรียบร้อย ลำตัวยาวเรียว หู ใหญ่ปลายแหลม ตาสีเขียว ขนสีฟ้าบริสุทธิ์ปราศจากรอยด่าง พร้อยใดๆและขนสั้นราบเรียบ เป็นเงางามอ่อนนุ่ม
สฟิงซ์
บางครั้งใครๆก็เรียกแมวพันธุ์สฟิงซ์ว่าแมวไม่มีขน แม้ว่าอันที่จริงแล้วมันมีขน ปกคลุมอยู่บางๆ โดยจะเห็นได้ชัดเจนที่ปลายลำตัวทั้งสองข้าง แมวไม่มีขนตัวแรกปรากฎ ที่แคนาดาในพ.ศ. 2509 ต่อมาจึงได้กลายเป็นแมวพันธุ์หนึ่ง โดยใช้แมวขนสั้นของอเมริกา มาผสม สมาคมผู้เลี้ยงแมวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแมวพันธุ์นี้ และเป็นพันธุ์ที่มีปัญหาถกเถียง กันอยู่
อียิปต์เชียนมัว
แมวพันธุ์นี้มีเชื้อสายจากแมวอียิปต์เพราะคำว่า มัว (Mau) คือภาษาอียิปต์โบราณที่หมายถึงแมวนั่นเอง แมวพันธุ์นี้ถูกนำไปอเมริกาครั้งแรกในปี 1953 สัญลักษณ์ที่ทำให้จดจำได้แม่นยำก็คือ ลายจุดบนตัวนั่นเอง
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีอยู่ 2หรือ3 สี คือ สีน้ำตาลแดงและสีควันบุหรี่ รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง หัวกลมคางแหลม จมูกสั้น ใบหูใหญ่ชี้ขึ้น ตาเป็นรูปอัลมอนด์สีตาเป็นสีเขียวอ่อน ลำตัวแข็งแรงมีกล้ามเนื้อชัดเจน ขายาวปานกลางเท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : เป็นแมวเอนกประสงค์ เป็นเพื่อนเด็กได้ แต่จะมีบางอารมณ์ที่ตื่นเต้น มันมักจะไม่ยอมใครนอกจากเจ้าของเท่านั้น
แองโกล่า
เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งจากเมืองแองโกลา ประเทศตุรกี ปัจจุบันเมื่องนี้ ชื่อ Ankara มีขนคล้ายเส้นไหมหนาเหมือนขนแกะแองโกลา ขนละเอียดเงาเป็นมัน วาว ปี1963 สวนสัตว์เมือง Ankara ได้มอบแมวพันธุ์นี้นำเข้าสู่อเมริกา 1 คู่ อีก3 ปี ต่อมาได้มีการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นในอังกฤษ
ลักษณะสายพันธุ์ สี : ขนสีขาว รูปร่างและขนาด : เป็นแมวตัวยาว หางเล็ก คอสั้น หูตั้ง ลูกในตากลมรี ขายาว อุ้งเท้าค่อนข้างเล็กกลมมน สะโพกใหญ่ เมื่อเคลื่อนไหวหางจะกระเพื่อมอย่างแรง ขนหน้าท้องดก นิ้วเท้าและปลายหูจะมีขนเป็นจุก นัยน์ตาสีน้ำเงิน สีอำพัน หรืออาจเป็นสีใดสีหนึ่ง หรือตาสองสีในตัวเดียวกัน อุ้งฝ่าเท้า ริมฝีปากและจมูกจะเป็นสีชมพู
อเมริกันขดลวด
มีต้นกำเนิดมาจากแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น เกิดจากการผสมพันธุ์แล้วให้ลูกแมวที่มีลักษณะแปลกประหลาด คือ จากที่ขนสั้นแน่นเรียบกลับไปได้ลูกแมวที่มีขนหนาแน่นแต่ขนม้วนชี้เป็นลูกคลื่น ว่ากันว่าแมวพันธุ์นี้กำเนิดในเขตชานเมืองนิวยอร์ค ราวปี 1966 นี่เอง
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีสีคล้ายกับแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้นมากลายมากสีถึง 34 เฉดลาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางถึงใหญ่ มีกล้ามเนื้อชัดเจน แข็งแรง หัวโตรูปไข่แต่มีคางที่เป็นเหลี่ยมเห็นคางชัดเจน หูขนาดกลางกลมมนที่ขอบ ตาโตกลมขอบตาบนด้านนอกใหญ่หนาโค้งลงที่หัวตา สีตาเป็นสีเหลืองทอง ขายาวปานกลางแข็งแรงเท้ากลมใหญ่ ลักษณะนิสัย : ใจดี ขี้เล่นทั้งวัน ฉลาดและสอนง่าย
อะบีซิเนียน
ชื่อกันว่าเป็นแมวที่มีบรรพบุรุษ มาจากแมวในอียิปต์โบราณ ในสมัยนั้นคนอียิปต์ต้องถือว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ในพิธีกรรม การสักการะเทพเจ้าบาเบท ที่เป็นหญิงมีหัวเป็นแมว แมวพันธ์นี้ ได้ถูกนำไปเกาะอังกฤษราวปี 1968 ว่ากันว่าทหารอังกฤษ ที่มารบในสงคราม อะบีสซีเนียน เป็นผู้นำไป แถบที่สงครามเกิดในปัจจุบัน ก็คือ ประเทศเอธิโอเปียนั่นเอง
เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอียิปต์ ถูกนำเข้าสู่อังกฤษโดยนายทหารที่ไปรบ ที่เกาะซูลู ประมาณปี ค.ศ.1968 เป็นแมวขนาดเล็กและสวยงาม หัวยาวแหลมกว่าแมวไทย ใบหูใหญ่ปลายแหลม ตาสีเหลืองเขียวและน้ำตาลอ่อน ขนสั้นละเอียดเป็นลายกระรอก ปัจจุบันนี้ค่อนข้างหามาเลี้ยงดูได้ยาก ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีสีของแมวคือ น้ำตาลแดง น้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลมีแถบน้ำตาลเข้มปน รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง ลำตัวสมส่วนเพรียวไม่ดูเทอะทะ หัวจะเป็นรูปลิ่มสามเหลี่ยม ใบหูใหญ่ชี้ขึ้น ตาโตรูปอัลมอนด์ตาสีเหลืองอำพัน หรือสีน้ำตาลแดง สีเขียวก็ยังยอมรับได้ ขาจะยาวเท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : รักอิสระ เรียนรู้สิ่งต่างๆว่องไว ฉลาดมากมีความตื่นตัวสูง เหมาะสำหรับคนที่มีบ้านช่องใหญ่โตเพราะเป็นแมวที่ร่าเริงตลอดวัน
กซ์โซติคขนสั้น
เกิดจากแมวเปอร์เซียร์ผสมพันธุ์กับแมวอเมริกันขนสั้น ทำให้ได้แมวพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะผสมพันธุ์ของทั้งสองสายพันธุ์
ลักษณะสายพันธุ์ สี : มีมากมาย รูปร่างและขนาด : เป็นแมวที่มีขนาดกลาง-ใหญ่ รูปร่างหน้าตาออกมาทางแมวเปอร์เซียร์เพียงแต่ขนสั้น มีลักษณะหัวกลมกะโหลกใหญ่ ใบหูเล็กกลม จมูกหักเล็กคล้ายกับแมวเปอร์เซียร์ ตัวป้อมๆขาสั้น ลักษณะนิสัย : เป็นแมวที่ใจเย็น สงบเรียบร้อย ใจดีรักเด็กๆ
ฮาวานาสีน้ำตาล
เกิดจากการนำแมวพันธุ์ขนสั้นสีดำผสมพันธุ์กับแมวไทยวิเชียรมาศที่มียีนส์ของขนสีน้ำตาลแฝงอยู่ ผลที่ได้ คือ ลูกแมวที่มีขนสีน้ำตาลสีเดียว และลูกแมวชุดดังกล่าวถูกนำไปผสมพันธุต่อพัฒนาเป็นสายพันธุแมวพันธุ์ฮาวานา ถูกขนานนามว่า ฮาวานา เนื่องจากแมวพันธุ์นี้มีสีขนเหมือนกับยาสูบที่มีมากๆในกรุงฮาวานานั่นเอง
ลักษณะสายพันธุ์ สี : น้ำตาล น้ำตาลเชสนัท รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง ลำตัวยาวเพรียว ขาเรียว หัวเป็นรูปลิ่ม มีจมูกที่ยาวและตรง ดวงตาเป็นรูปอัลมอนด์สีตาเป็นสีเขียว ใบหูใหญ่ปลายหูกลมมีขนที่ใบหูน้อยมาก ขนจะสั้นและแน่น เท้าเล็กรูปไข่ ลักษณะนิสัย : คล้ายแมวไทย ฉลาด รักอิสระเสรี ชอบเที่ยว
เอกสารอ้างอิง
http://www.dogthai.net/
http://www.catsinfo.com
http://www.felinebreeds.com
http://www.felinerescue.net
http://www.cfainc.org
http://www.plant-pets.com
http://www.thesingapuracat.50megs.com
http://www.singapuracatclub.co.uk
www.cat4love.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)